เรือนจำที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุดในโลก ตัดขาดจากโลกภายนอก รองรับแก๊งมาเฟียสุดเถื่อนแห่งละตินอเมริกา
ในปี 2567 ทางรัฐบาลประเทศ "เอลซัลวาดอร์" ได้เผยแพร่ภาพการเคลื่อนย้ายนักโทษฉกกรจ์ 2,000 คน ไปเรือนจำแห่งใหม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเรือนจำที่ใหญ่ที่สุดในโลก รองรับนักโทษได้ถึง 4 หมื่นคน จนถูกเรียกว่าเป็น Mega-prison
และถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับชาวแก๊งค์เถื่อนในประเทศพวกนี้โดยเฉพาะ กับพวกที่ก่อความไม่สงบมายาวนานในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม MS-13 และ Barrio 18 เป็น แก๊งมาเฟียสุดเถื่อนแห่งละตินอเมริกา แก๊งค์พวกนี้ จะใช้อิทธิพลของตนและหาเงินโดยการฆาตกรรม การกรรโชก การค้ายาเสพติด และการดำเนินธุรกิจสีดำ สีเทา
เรือนจำนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Centre for the Confinement of Terrorism หรือ CECOT สร้างขึ้นเมื่อปี 2565 ในย่านเตโกลูกา ในเมืองซานวินเซนเต เริ่มรับนักโทษเมื่อปี 2566
เรือนจำ CECOT ในเอลซัลวาดอร์ เป็นที่คุมขังสมาชิกแก๊งอาชญากรกว่า 12,000 คน โดยทางการหวังก้าวพ้นจากการเป็นประเทศที่อันตรายที่สุดมาเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุด
ตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2020 อัตราการฆาตกรรมของเอลซัลวาดอร์ลดลงถึง 62 เปอร์เซ็นต์ โดยโยบายของ ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์นายิบ บูเกเล ในการ"เข้มงวดกับอาชญากรรม" มาใช้ในเอลซัลวาดอร์เพื่อต่อสู้กับการแพร่กระจายของกลุ่มอาชญากรทั้งหมด
เรือนจำ CECOT ประกอบไปด้วยโมดูลแยกกัน 8 โมดูลที่กระจายอยู่ในพื้นที่ 410 เอเคอร์ โมดูลแต่ละคู่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูง 3 เมตร แห่ง 2 พร้อมลวดหนาม
สถานที่ทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงสูงตระหง่าน 9 เมตรพร้อมรั้วไฟฟ้าสูง 3 เมตรที่ส่งกระแสไฟฟ้า 15,000 โวลต์ หอคอยเฝ้าระวังสิบเก้าแห่งคอยให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรรอดพ้นสายตา การออกแบบทั้งหมดไม่ได้แค่ป้องกันการหลบหนีเท่านั้น แต่ยังลบล้างความคิดที่จะหลบหนีอีกด้วย
ระดับความปลอดภัย ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เรือนจำที่ปลอดภัยที่สุดในทวีปอเมริกา” และอาจเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงที่สุดในโลก ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา 7 ชั้น รวมถึงกล้องวงจรปิด AI, สแกนชีวภาพ, ลวดหนามไฟฟ้า และหน่วยลาดตระเวนติดอาวุธ
ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1.66 ล้านตารางเมตร รองรับนักโทษได้มากถึง 40,000 คน ทำให้เป็นหนึ่งในเรือนจำที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้
มีมาตรการควบคุนักโทษจะถูกโกนหัว ใส่ชุดขาว-ดำ และถูกควบคุมโดยไม่ให้มีสิ่งของส่วนตัว ไม่มีพื้นที่เยี่ยมญาติ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน
มีเจ้าหน้าที่ดูแลกว่า 600 คน และทหารอีกหลายพันนายประจำการรอบพื้นที่เรือนจำ การออกแบบเพื่อ “ตัดขาดจากโลกภายนอก” ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีการสื่อสารภายนอก
ออกแบบมาเพื่อแยกแก๊งอาชญากรรมจากสังคมโดยสมบูรณ์ ลดการสั่งการจากภายในเรือนจำสู่ภายนอก
รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ภายใต้การนำของประธานาธิบดี นายิบ บูเกเล ใช้นโยบาย "กำจัดอาชญากรรมอย่างเด็ดขาด"
อัตราการฆาตกรรมในประเทศลดลงอย่างชัดเจน จากประเทศที่เคยมีอาชญากรรมสูงสุดในโลก กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฆาตกรรมต่ำลงที่สุดในลาตินอเมริกา
แน่นอนย่อมมีข้อถกเถียงด้านสิทธิมนุษยชน โดยมีองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่งวิจารณ์เรือนจำนี้ว่าอาจละเมิดสิทธิของนักโทษ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและการขาดกระบวนการยุติธรรมที่เหมาะสม
นักโทษจำนวนมากถูกจับแบบกวาดล้างโดยไม่มีการพิสูจน์ผิด-ถูกอย่างเต็มที่ โดยเรือนจำ CECOT นี้เป็นตัวอย่างของการใช้ “ความรุนแรงทางรัฐ” ในการควบคุมความรุนแรงจากอาชญากรรม แม้จะได้รับคำชื่นชมเรื่องประสิทธิภาพในการลดอาชญากรรม แต่ก็ต้องแลกมากับข้อถกเถียงในด้านสิทธิมนุษยชนและความโปร่งใสของกระบวนการยุติธรรม.










