ไขความลับ: กินหวานแบบไม่ทำร้ายสุขภาพ
ไขความลับ: กินหวานแบบไม่ทำร้ายสุขภาพ
ช่วงหลัง ๆ มานี้เราเริ่มหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น หลังจากที่รู้ตัวว่ากินหวานจัดเกินไป ทั้งขนม น้ำอัดลม ชานมไข่มุก (ของโปรดเลย) ผลคือ น้ำหนักขึ้นง่าย เหนื่อยง่าย และบางทีรู้สึกเหมือนจะเป็นเบาหวานในอนาคตถ้ายังไม่เปลี่ยนพฤติกรรม
แต่จะให้งดของหวานแบบหักดิบก็ไม่ไหว... ใครจะไปต้านทานความสุขจากของหวานได้ล่ะเนอะ?
เลยเริ่มศึกษา ลองผิดลองถูกจนได้เคล็ดลับ "กินหวานยังไงให้ไม่ทำร้ายสุขภาพ" มาฝากทุกคน เผื่อใครกำลังอยู่ในจุดเดียวกัน ลองอ่านดูนะ
1. เลือก "หวานธรรมชาติ" แทนหวานสังเคราะห์
น้ำตาลฟรุกโตสในผลไม้ หรือความหวานจากอินทผลัม กล้วย มันเทศ สามารถช่วยคลายความอยากหวานได้ดีโดยไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเหมือนน้ำตาลทรายขาว
2. ใช้สารให้ความหวานแบบปลอดภัย (แต่อย่าเยอะ)
พวกหญ้าหวาน (Stevia), อิริทริทอล (Erythritol), หรือมังค์ฟรุต (Monk Fruit) เป็นตัวช่วยดีมาก เพราะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลขึ้น แถมยังให้แคลอรีต่ำ เหมาะกับคนควบคุมน้ำหนัก
3. กำหนดช่วงเวลากินของหวาน
เราตั้งกฎกับตัวเองว่า ถ้าจะกินของหวาน ขอให้เป็นช่วงเช้า – บ่าย เพราะร่างกายยังมีเวลามากพอในการเผาผลาญ และถ้าจะกินจริง ๆ ให้กินหลังอาหาร จะได้ไม่เผลอกินเยอะเกินไปตอนหิว
4. ทำของหวานเองบ้าง สนุกด้วย คุมได้ด้วย
ลองทำขนมเอง เช่น พุดดิ้งจากเมล็ดเจีย ผสมกล้วยหรืออินทผลัม ปั่นสมูทตี้จากผลไม้สด หรือทำบราวนี่แป้งอัลมอนด์ไม่ใส่น้ำตาล (ใช้หญ้าหวานแทน) บอกเลยว่าฟินและรู้สึกดีกับตัวเองมาก
5. ฟังร่างกายตัวเองให้มากขึ้น
หลายครั้งที่เราคิดว่าอยากของหวาน จริง ๆ แล้วร่างกายแค่เหนื่อยหรือนอนน้อย ลองพักสายตา ดื่มน้ำ หรือกินผลไม้สดแทน บางทีก็หายอยากโดยไม่ต้องแตะน้ำตาลเลย
สรุปคือ เราไม่จำเป็นต้อง "ตัด" ของหวานออกจากชีวิต แต่ให้ "เลือก" อย่างฉลาดขึ้น
ใครมีวิธีกินหวานแบบเฮลตี้อื่น ๆ มาแชร์กันได้นะ ช่วงนี้กำลังสนุกกับการเปลี่ยนนิสัยการกินอยู่เลย
#สุขภาพดีเริ่มที่ตัวเรา #กินหวานแบบไม่พังสุขภาพ #ของหวานสายเฮลตี้ #กินหวานได้แต่อย่าเกิน #HealthySweetLife















