พุทธประวัติในแง่มุมประวัติศาสตร์และการเมือง
ในช่วงพุทธกาล (560-420 ปีก่อนคริสต์ศักราช) โลกกำลังอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทางความคิด มีศาสดาและนักปรัชญาเกิดขึ้นมากมาย ในชมพูทวีป (อินเดียโบราณ) แบ่งออกเป็นแคว้นน้อยใหญ่เรียกว่า "มหาชนบท" มีทั้งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เช่น แคว้นโกศล (สาวัตถี), แคว้นมคธ (ราชคฤห์) ที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล, แคว้นวังสะ (โกสัมพี) และระบอบคณะกษัตริย์ เช่น แคว้นวัชชี (เวสาลี), แคว้นมัลละ (กุสินารา) นอกจากนี้ยังมีเมืองของพวกศากยะ (กบิลพัสดุ์) และโกลิยะ (เทวทหะ) ที่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติใกล้ชิดและให้ความสำคัญกับสายเลือดบริสุทธิ์
เครือญาติของพระพุทธเจ้ามีความซับซ้อน ตระกูลศากยะและโกลิยะมีการแต่งงานเชื่อมโยงกัน พระเจ้าสุทโธทนะ (พระบิดา) อภิเษกกับสองพี่น้องจากโกลิยะ (พระนางสิริมหามายาและพระนางปชาบดีโคตมี) พระญาติสนิทหลายคน เช่น พระอานนท์ พระเทวทัต และพระนางยโสธรา ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์
เจ้าชายสิทธัตถะทรงใช้ชีวิตในฐานะเจ้าชาย แต่ทรงสนพระทัยในปรัชญามากกว่าการรบทัพจับศึก หลังอภิเษกสมรสและมีพระโอรส (พระราหุล) จึงตัดสินใจออกผนวช เสด็จไปยังแคว้นมคธ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการศึกษา ทรงศึกษาและปฏิบัติธรรมจนตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ ทรงแสดงปฐมเทศนาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งอาจอยู่ในเขตของแคว้นมคธเนื่องจากความสัมพันธ์อันดีกับแคว้นโกศล
พระเจ้าพิมพิสารแห่งแคว้นมคธทรงเลื่อมใสและอุปถัมภ์พระพุทธเจ้า ถวายป่าเวฬุวันเป็นที่ประทับ ทำให้แคว้นมคธเป็นศูนย์กลางสำคัญในช่วงแรก ต่อมาอนาถบิณฑิกเศรษฐีชาวแคว้นโกศลได้ทูลเชิญพระพุทธเจ้าไปยังแคว้นโกศล และสร้างวัดเชตวัน ทำให้แคว้นโกศลกลายเป็นอีกศูนย์กลางสำคัญ พระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งแคว้นโกศลก็ทรงเป็นสาวกและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา
การเสด็จกลับกบิลพัสดุ์ทำให้พระประยูรญาติหลายคนออกบวช การเผยแผ่ศาสนาของพระพุทธเจ้ามีความสัมพันธ์กับการเมืองในยุคนั้น การได้รับการอุปถัมภ์จากกษัตริย์ผู้มีอำนาจช่วยให้ศาสนาเติบโต แต่ความขัดแย้งระหว่างแคว้นต่าง ๆ ก็เป็นบริบทที่พระพุทธเจ้าต้องเผชิญ การมองพุทธประวัติในแง่มุมประวัติศาสตร์และการเมืองช่วยให้เข้าใจบริบททางสังคมและอำนาจในยุคนั้น และทำให้เข้าใจการเกิดขึ้นและเติบโตของพระพุทธศาสนาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น















