เมื่อการให้ไม่หวังผลตอบแทน
ท่ามกลางสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์และการแข่งขัน หลายครั้งเราอาจหลงลืมไปว่าความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ได้มาจากการได้รับเพียงอย่างเดียว แต่ยังงอกเงยจากการเป็นผู้ให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ กลับคืนมา การกระทำที่บริสุทธิ์ใจเช่นนี้ เปรียบเสมือนสายธารเย็นฉ่ำที่ชโลมจิตใจทั้งผู้ให้และผู้รับ สร้างความรู้สึกอิ่มเอมและความหมายอันลึกซึ้งให้กับชีวิต
เรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่ง อาจเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของความงดงามแห่งการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ทุกเช้าตรู่และเย็นย่ำ เรามักจะเห็นเข็นรถจักรยานเก่าๆ พ่วงด้วยถังอาหารขนาดพอเหมาะ ตระเวนไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ ในหมู่บ้าน จุดหมายปลายทางของเขาไม่ใช่บ้านของผู้คน หรือร้านค้าใดๆ แต่เป็นเหล่าสุนัขและแมวจรจัดที่อาศัยอยู่ตามท้องถนนและวัดร้าง
ภาพที่คุ้นตาคือ เมื่อเขาจอดรถจักรยาน เหล่าสี่ขาผู้หิวโหยก็จะวิ่งกรูกันเข้ามาหาด้วยความดีใจ พวกมันส่งเสียงร้องเบาๆ กระดิกหาง หรือคลอเคลียที่ขาของเขา ราวกับจะขอบคุณสำหรับอาหารมื้อสำคัญที่กำลังจะมาถึง ชายผู้นี้จะค่อยๆ ตักอาหารเม็ดใส่ในภาชนะที่เขาเตรียมมา วางเรียงรายตามจุดต่างๆ อย่างเป็นระเบียบ บางครั้งเขาก็จะนั่งลงลูบหัว เกาคาง หรือพูดคุยกับพวกมันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ราวกับพวกมันเป็นเพื่อนเก่าที่คุ้นเคย
สิ่งที่น่าประทับใจคือ ชายผู้นี้ไม่ได้ร่ำรวยหรือมีฐานะดีนัก อาชีพหลักของเขาคือการรับจ้างทั่วไป รายได้แต่ละวันก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่เขาก็ยังคงแบ่งปันอาหารให้กับสัตว์จรเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เป็นเวลานานหลายปีที่เขาทำเช่นนี้ โดยไม่เคยปริปากบ่นถึงความเหนื่อยยาก หรือเรียกร้องสิ่งตอบแทนใดๆ จากใคร
หลายคนอาจสงสัยว่า อะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้ชายผู้นี้ทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง? เขาไม่ได้เป็นเจ้าของสัตว์เหล่านั้น ไม่ได้รับคำขอบคุณที่เป็นรูปธรรม หรือแม้แต่คำชื่นชมจากสังคมมากนัก บางครั้งอาจมีคนมองเขาด้วยความสงสัย หรือตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของการกระทำเช่นนี้
เมื่อมีคนถามเขาถึงเหตุผล เขามักจะตอบด้วยรอยยิ้มที่แสนจะธรรมดาว่า "พวกมันก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน หิวเป็น เจ็บเป็น ไม่มีใครดูแล ผมพอมีกำลังที่จะช่วยได้บ้าง ก็อยากจะช่วย" คำตอบที่เรียบง่ายนี้ กลับสะท้อนถึงจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจอย่างแท้จริง เขาไม่ได้มองว่าการให้เป็นภาระ แต่กลับมองว่าเป็นสิ่งที่เขา "อยาก" จะทำ
การกระทำของชายผู้นี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อเหล่าสัตว์จรจัดเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อผู้ที่ได้พบเห็นเรื่องราวของเขาด้วย หลายคนเริ่มตระหนักถึงความทุกข์ยากของสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง และเกิดความรู้สึกอยากที่จะช่วยเหลือบ้าง บางคนอาจเริ่มจากการบริจาคอาหาร หรือช่วยดูแลสัตว์จรจัดในละแวกบ้านของตนเอง
เรื่องราวของเขาสอนให้เราได้เรียนรู้ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ได้ผูกติดอยู่กับวัตถุ หรือผลประโยชน์ที่เราจะได้รับเสมอไป แต่กลับอยู่ที่ความรู้สึกอิ่มเอมใจเมื่อเราได้เป็นผู้ให้ ได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน การให้ด้วยใจที่บริสุทธิ์นั้น นำมาซึ่งความสุขที่ยั่งยืนและลึกซึ้งกว่าความสุขที่ได้จากการครอบครองวัตถุเสียอีก
ในทางจิตวิทยา การให้โดยไม่หวังผลตอบแทนนั้นเชื่อมโยงกับความรู้สึกเชิงบวกต่างๆ เช่น ความพึงพอใจในตนเอง ความรู้สึกของการมีคุณค่า และความเชื่อมโยงกับผู้อื่น เมื่อเราเห็นผู้อื่นมีความสุขหรือบรรเทาความทุกข์ได้ด้วยการกระทำของเรา สมองจะหลั่งสารเคมีแห่งความสุขออกมา ทำให้เรารู้สึกดีและอยากที่จะทำความดีต่อไป นี่คือวงจรแห่งความสุขที่เกิดจากการให้
ยิ่งไปกว่านั้น การให้ยังเป็นการลดอัตตา หรือความยึดมั่นในตนเอง เมื่อเราละทิ้งความต้องการที่จะได้รับผลตอบแทน และมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแท้จริง เราจะรู้สึกเป็นอิสระจากความคาดหวังและความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้น การให้จึงเป็นการฝึกฝนจิตใจให้มีความเมตตา กรุณา และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ในสังคมที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและการแข่งขัน การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาเหล่านี้ กลับกลายเป็นแสงสว่างที่ส่องนำทางและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น มันแสดงให้เห็นว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่พร้อมจะเสียสละและแบ่งปัน โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ
เรื่องราวของชายผู้ให้ข้าวหมาจรแมวจร เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างมากมายของการทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน ในสังคมของเรายังมีบุคคลอีกมากมายที่เสียสละเวลา แรงกาย และทรัพย์สินส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่ด้อยโอกาส ดูแลสิ่งแวดล้อม หรือสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคม โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้คาดหวังชื่อเสียง เงินทอง หรือคำขอบคุณใดๆ
การกระทำเหล่านี้อาจดูเหมือนเล็กน้อยในสายตาของบางคน แต่เมื่อรวมกันแล้ว มันจะกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้ มันเป็นการสร้าง "ทุนทางสังคม" ที่สำคัญ ซึ่งประกอบไปด้วยความไว้วางใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความร่วมมือ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีความสุข
ดังนั้น ในครั้งต่อไปที่เรามีโอกาสที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการกระทำเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ลองทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ กลับคืนมา แล้วเราจะค้นพบความสุขที่แท้จริง ซึ่งเป็นความสุขที่ยั่งยืนและเติมเต็มจิตใจของเราอย่างแท้จริง เหมือนกับความสุขที่ชายผู้ใจดีได้รับจากการได้เห็นเหล่าสี่ขาอิ่มท้องและปลอดภัย แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับอะไรตอบแทนมาเลยก็ตาม นอกจากความรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจเท่านั้นเอง














