สงสัยกันมั้ย!! ทำไมสหรัฐอเมริกาไม่ชอบประเทศจีน
มันเริ่มตั้นความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนสะท้อนการปะทะของผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจ และค่านิยมทางการเมือง สหรัฐมีความกังวลทั้งในด้านความมั่นคง ความเป็นธรรมทางการค้า ระบบสิทธิมนุษยชน และการแข่งขันทางเทคโนโลยี ขณะที่จีนถือว่าแนวทางของสหรัฐเป็นการแทรกแซงกิจการภายในและการกีดกันเชิงเศรษฐกิจ
1. ประวัติศาสตร์และรากเหง้าแห่งความไม่ไว้วางใจ
หลังสงครามเย็น สหรัฐอเมริกามองจีนในฐานะ “คู่แข่งคอมมิวนิสต์” ที่ขยายอิทธิพลในเอเชีย ส่งผลให้เกิดนโยบายคานอำนาจ (containment) ต่อจีนตั้งแต่ยุคสงครามเกาหลีและเวียดนาม
ปรากฏการณ์ต่อต้านจีนในสหรัฐฯ มีรากจากอคติทางชาติพันธุ์และประวัติศาสตร์การอพยพ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19–20 เคยมีนโยบายจำกัดการเข้าเมืองคนจีน (Chinese Exclusion Act)
2. ทั้งประเด็นทางยุทธศาสตร์และความมั่นคง
ไต้หวันและทะเลจีนใต้ เป็นจุดอับเดือดสำคัญ สหรัฐฯ ให้การสนับสนุน “หลักการหนึ่งจีน” ในเชิงต่อต้านการบังคับทางทหารของจีนต่อเกาะไต้หวัน และปรากฏกองเรือรบเข้าไปในเส้นทางเดินเรือเสรีในทะเลจีนใต้
การขยายกำลังทหารของจีน ทั้งเรือรบ ยุทโธปกรณ์ และโครงข่ายฐานยิงขีปนาวุธ สร้างความกังวลว่าสหรัฐอาจถูกกีดกันจากการเข้าไปแทรกแซงภูมิภาค
การสอดแนมและเฝ้าระวัง สหรัฐฯ มองว่าจีนใช้องค์กรอย่างกระทรวงความมั่นคงเพื่อขโมยความลับทางทหารและเทคโนโลยีอ่อนไหว
3. จนถึงประเด็นทางเศรษฐกิจและการค้า
จีนถูกกล่าวหาว่าใช้ นโยบายแทรกแซงตลาด (state capitalism) ทั้งการอุดหนุนอุตสาหกรรม สต็อกเหล็ก และการทุ่มตลาด (dumping) ทำให้บริษัทอเมริกันเสียเปรียบ
สงครามการค้า สมัยประธานาธิบดีทรัมป์ สหรัฐขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนหลายหมวด ส่งผลให้จีนตอบโต้ด้วยภาษีสวนกลับ สร้างความตึงเครียดต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ข้อกังวลด้านแรงงานบังคับ ในมณฑลซินเจียง สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรสินค้าจีนที่เกี่ยวข้องกับแรงงานชาวอุยกูร์
4. อุดมการณ์และสิทธิมนุษยชน
สหรัฐอเมริกาอ้างถึง การละเมิดสิทธิมนุษยชน ในฮ่องกง ทิเบต และซินเจียง ว่าจีนใช้นโยบายปราบปรามเสรีภาพทางการเมืองและศาสนา
การประชันค่านิยม ประชาธิปไตย vs. คอมมิวนิสต์ เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สร้าง “สมรภูมิทางอุดมการณ์” ระหว่างสองมหาอำนาจ
5. การแข่งขันทางเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญา
สหรัฐฯ ตำหนิจีนว่า ขโมยเทคโนโลยี ผ่านการแทรกซึมบริษัทเอกชนและสถาบันวิจัยอเมริกันเพื่อเร่งความก้าวหน้าใน AI และ 5G
กฎหมาย Export Control and Entity List ของสหรัฐฯ แบนบริษัทเทคโนโลยีจีนหลายราย (เช่น หัวเว่ย) ไม่ให้เข้าถึงซัพพลายเชนอิเล็กทรอนิกส์อเมริกัน
FBI ประเมินว่า การขโมยความลับทางการค้า สินค้าปลอมแปลง และซอฟต์แวร์ที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์โดยจีนนั้นส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 225,000-600,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
6.ทัศนคติของประชาชนและการเมืองภายใน
โพลสำรวจ โดย Pew Research Center พบว่าอเมริกันรุ่นใหม่กว่า 60% มีทัศนคติเชิงลบต่อจีน เหตุเพราะข่าวสารเรื่องโควิด-19 และการละเมิดสิทธิมนุษยชน
การเมืองอเมริกัน พรรครีพับลิกันใช้ประเด็นจีนสร้างคะแนนนิยมด้วยการเรียกร้องให้เข้มงวดด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ขณะเดโมแครตก็มักเน้นเรื่องสิทธิมนุษยชนและกฎหมายแรงงานบังคับ
นั่นแหละที่มาสำคัญๆ ล่วนค่อยๆ ก่อตัวมายาวนานความไม่ชอบจีนของสหรัฐฯ ไม่ได้มาจากเหตุผลเดียว แต่เป็นผลสะสมจากประวัติศาสตร์ความขัดแย้ง จริยธรรมทางการเมือง ความมั่นคงระดับภูมิภาค
ความไม่เป็นธรรมทางการค้า และการแข่งขันทางเทคโนโลยี ที่รวมกันเป็น “คู่แข่งยุทธศาสตร์” อย่างเต็มตัว หากต้องการความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ทั้งสองฝั่งจำเป็นต้องสร้างกลไกความร่วมมือทางการค้า ปรับความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชน และหาจุดสมดุลทางยุทธศาสตร์ร่วมกันในเวทีโลกต่อไปครับ
ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/China–United_States_relations?utm_source=chatgpt.com
https://www.reddit.com/r/NoStupidQuestions/comments/128qigf/why_does_us_hate_china_so_much/?utm_source=chatgpt.com
https://en.wikipedia.org/wiki/Anti-Chinese_sentiment_in_the_United_States?utm_source=chatgpt.com



















