หนี้นอกระบบ ตอยักษ์ ของสังคมไทย
หนึ่งในปัญหาที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน คือ ปัญหาหนี้นอกระบบ
รู้ไหมว่า วันนี้จำนวนครัวเรือนไทยที่มีหนี้นอกระบบนั้น มีมากกว่า 800,000 ครัวเรือน
ปัญหาของเรื่องนี้เกิดจากอะไร
และมีทางไหนบ้างที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ ?
ถ้าจะให้คำจำกัดความของคำว่า “หนี้นอกระบบ” ให้เข้าใจง่าย ๆ
ก็คือ เป็นหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินกันเองระหว่างประชาชน โดยไม่ผ่านสถาบันการเงิน
โดยเจ้าหนี้จะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับลูกหนี้มากกว่า 28% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ปัญหานี้ เกิดขึ้นเพราะ ลูกหนี้ไม่สามารถกู้ในระบบได้
และความจำเป็นที่ต้องใช้เงิน จึงจำใจต้องเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบ
ส่วนทางฝั่งเจ้าหนี้หรือผู้ให้กู้ ก็จะมีกลุ่มที่พร้อมปล่อยสินเชื่อให้คนที่ต้องการเงินเหล่านั้น แล้วคิดดอกเบี้ยสูง ๆ เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่ผู้มากู้อาจผิดนัดชำระหนี้
สมมติถ้าเรากู้เงินนอกระบบมา 10,000 บาท เป็นเวลา 1 ปี
โดยเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ย “เดือนละ 20%”
เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยโหดขนาดนี้ไม่ได้หวังว่าจะเอาเงินต้นคืน
เจ้าหนี้คิดเพียงว่าตามเก็บดอกเบี้ยได้ 5 เดือนก็คืนทุน ที่เหลือเป็นกำไร
เมื่อคูณไปแล้ว ดอกเบี้ยขนาดนี้จะเท่ากับปีละ 240%
หมายความว่า ดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายคืนทั้งหมดในหนึ่งปี จะเท่ากับ 24,000 บาท คิดเป็น 2.4 เท่าของเงินต้นที่เรากู้เลยทีเดียว
ในขณะที่ถ้าเรากู้ในระบบ ในจำนวน 10,000 บาทเท่ากัน เป็นเวลา 1 ปี
อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายที่เจ้าหนี้คิด จะอยู่ที่ไม่เกินปีละ 28%
หมายความว่า ดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายคืนทั้งหมดจะเท่ากับ 2,800 บาท
จะเห็นว่า ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืนสถาบันการเงินในระบบ จะคิดเป็นเพียง 11% ของดอกเบี้ย ที่ต้องจ่ายคืนเจ้าหนี้นอกระบบ
อย่างไรก็ตาม แม้หนี้นอกระบบจะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูง แต่สาเหตุที่คนบางกลุ่มนิยมใช้บริการกันเยอะก็เพราะ ได้เงินเร็ว สะดวก และไม่มีขั้นตอนในการกู้ที่ยุ่งยาก เมื่อเทียบกับการกู้เงินในระบบ
ซึ่งการที่ผู้กู้ไม่สามารถกู้เงินในระบบได้ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น
- การติดเครดิตบูโร
- รายได้ไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่สถาบันการเงินกำหนด
- ไม่มีหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์เพื่อมาค้ำประกันเงินกู้
ปัญหาเหล่านี้ จึงผลักดันให้ลูกหนี้ต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ต้องแลกมาด้วยการจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า การกู้หนี้ในระบบอย่างมาก
จนหลายครั้งเมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้นอกระบบได้ จึงนำไปสู่ปัญหาหลายอย่างตามมา
เราลองมาดูข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554-2562 ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพเรื่องนี้ได้ชัดเจนขึ้น
ปี พ.ศ. 2554
- รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือน 23,236 บาท
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือน 17,403 บาท
ปี พ.ศ. 2562
- รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือน 26,662 บาท
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือน 21,329 บาท
ในช่วงเวลานี้ รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนไทยเพิ่มขึ้น 15% แต่ค่าใช้จ่ายนั้นเพิ่มขึ้น 23%
แสดงให้เห็นว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายของครัวเรือนไทยเร่งตัวขึ้นเร็วกว่า การเพิ่มขึ้นของรายได้
และค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนไทย ในปี พ.ศ. 2562 นั้น คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้
อย่างไรก็ตาม คำนิยามของค่าใช้จ่ายจากสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ว่านั้น
เป็นเพียงค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตพื้นฐานเท่านั้น
ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการซื้อสินทรัพย์ทุน เช่น การซื้อบ้าน ที่ดิน ของมีค่า ค่าเบี้ยประกัน และเงินสมทบกองทุนต่าง ๆ
นั่นหมายความว่า ที่จริงแล้ว ถ้าเรารวมค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนในประเทศทั้งหมด หลายครัวเรือนอาจจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่หามาได้
ที่น่าสนใจคือ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนครัวเรือนที่เป็นหนี้นอกระบบ ไม่เคยลดลงต่ำกว่า 800,000 ครัวเรือนเลย
สาเหตุสำคัญ เกิดจาก อัตราดอกเบี้ยของหนี้นอกระบบที่สูงมาก
ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากสภาพความเป็นหนี้ที่ตัวเองก่อขึ้นได้
เพราะลำพังแค่หาเงินมาใช้ดอกเบี้ยก็แทบจะไม่พอ ยังไม่ต้องพูดถึงการชำระเงินต้น
การแก้ปัญหาของหนี้นอกระบบนั้น ทำกันมาอย่างยาวนาน
ไม่ว่าจะเป็นการที่ภาครัฐพยายามจัดหาแหล่งเงินกู้ในระบบแก่ผู้กู้ให้มากขึ้นกว่าสมัยก่อน
รวมไปถึงการจัดการเจ้าหนี้นอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด
ยิ่งปัจจุบัน การระบาดของโควิด 19 กลับยิ่งซ้ำเติมให้เศรษฐกิจย่ำแย่ไปอีก
ลูกหนี้หลายคนไม่สามารถประกอบธุรกิจได้เหมือนช่วงเวลาปกติ ทำให้ยิ่งไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ตามกำหนด
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าภาครัฐจะออกมาตรการช่วยเหลือเท่าไร
มีการจัดการขบวนการปล่อยกู้นอกระบบมากแค่ไหน
แต่สิ่งสำคัญที่สุดไม่แพ้กันในการแก้ปัญหานี้ ก็อยู่ที่ ตัวของผู้ที่จะเป็นหนี้เอง
ซึ่งตรงนี้ เข้าใจได้ว่า แต่ละคนมีความจำเป็นต้องใช้เงิน และมีข้อจำกัดในการกู้ที่แตกต่างกันไป
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องของ “วินัย” ในการใช้จ่ายและการกู้ยืม
ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยให้ปัญหานี้ ค่อย ๆ ลดลงจากสังคมไทยได้ในที่สุด..
กัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุม
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
มิตรภาพใต้สมุทร เมื่อ "วาฬเพชฌฆาต" จับมือ "โลมา" ร่วมทีมล่าล่าเหยื่อ
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !



