การจดลิขสิทธิ์สูตรส้มตำ คนไทยสามารถทำได้หรือไม่ หากคิดสูตรขึ้นมาเอง
ในยุคที่อาหารไทยได้รับความนิยมไปทั่วโลก "ส้มตำ" ซึ่งเป็นอาหารยอดฮิตของคนไทยก็กลายเป็นเมนูที่มีชื่อเสียงระดับสากล จึงเกิดคำถามที่น่าสนใจว่า หากคนไทยคนใดคนหนึ่งคิดสูตรส้มตำขึ้นมาเองเพื่อเปิดร้านอาหารหรือแม้กระทั่งทำธุรกิจในรูปแบบโรงแรมที่เน้นเมนูส้มตำโดยเฉพาะ จะสามารถ จดลิขสิทธิ์ สูตรอาหารที่คิดค้นขึ้นมาได้หรือไม่
คำตอบในแง่ของกฎหมายลิขสิทธิ์
โดยทั่วไปแล้ว ในประเทศไทย "สูตรอาหาร" ไม่สามารถจดลิขสิทธิ์ได้ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เนื่องจากลิขสิทธิ์จะคุ้มครองเฉพาะ “งานที่มีลักษณะของความคิดสร้างสรรค์” ที่อยู่ในรูปแบบของการประพันธ์ วรรณกรรม นาฏกรรม ดนตรี ศิลปกรรม ภาพยนตร์ ฯลฯ ส่วนสูตรอาหาร หรือแนวทางการผสมส่วนผสมต่าง ๆ กันนั้น ถือว่าเป็น “ความรู้ทั่วไป” หรือ “แนวปฏิบัติ” ซึ่งอยู่ในข่ายของ วิธีการ (method) ที่กฎหมายลิขสิทธิ์ไม่คุ้มครอง
แล้วจะสามารถปกป้องสูตรอาหารได้อย่างไร
แม้จะไม่สามารถใช้กฎหมายลิขสิทธิ์มาคุ้มครองสูตรส้มตำได้โดยตรง แต่ก็มีแนวทางในการปกป้องสูตรอาหารที่คิดค้นขึ้นได้ดังนี้:
1. การจดสิทธิบัตร (Patent) – หากสูตรอาหารนั้นมีความแปลกใหม่ มีขั้นตอนหรือกรรมวิธีพิเศษเฉพาะ และสามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ ก็อาจยื่นขอจด สิทธิบัตรการประดิษฐ์ ได้ แต่ในทางปฏิบัติ สูตรอาหารโดยทั่วไปมักไม่ผ่านเกณฑ์ “ความใหม่” และ “ขั้นตอนประดิษฐ์” ตามที่กฎหมายกำหนด
2. การรักษาเป็นความลับ (Trade Secret) – เจ้าของสูตรสามารถเก็บสูตรไว้เป็นความลับทางการค้า เช่นเดียวกับสูตรโค้ก หรือไก่ทอด KFC หากสามารถควบคุมไม่ให้สูตรรั่วไหลได้ ก็ถือเป็นการคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพในทางธุรกิจ
3. การสร้างแบรนด์ (Branding) – การใช้ชื่อแบรนด์ โลโก้ บรรจุภัณฑ์ การตกแต่งร้าน หรือแม้กระทั่งเรื่องราวของเมนู มาสร้างจุดขาย เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างเอกลักษณ์และสร้างมูลค่าให้กับสูตรส้มตำที่คิดค้นขึ้น
สรุป
แม้จะไม่สามารถจดลิขสิทธิ์ “สูตรส้มตำ” ได้โดยตรง แต่คนไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์สามารถใช้ช่องทางอื่น ๆ ในการปกป้องสูตรและต่อยอดธุรกิจได้ เช่น การเก็บสูตรเป็นความลับทางการค้า การพัฒนาแบรนด์ หรือแม้กระทั่งการจดสิทธิบัตรในกรณีที่สูตรนั้นมีนวัตกรรมพิเศษ ทั้งนี้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนดำเนินการทางกฎหมายต่อไป












