“น้องมาร์ค” ลูกชาย “เมฆ วินัย” ประกวดร้องเพลงหาเงินเลี้ยงครอบครัว หลังพ่อจากไป
น้ำตารินทั้งประเทศ! “น้องมาร์ค” ลูกชาย “เมฆ วินัย” อายุเพียง 13 ประกวดร้องเพลงหาเงินเลี้ยงครอบครัว หลังพ่อจากไป แม่สู้ลำพัง ใช้หนี้ 6.5 ล้านจนเหลือ 3 ล้าน!
“มารคอยากช่วยแม่ครับ เพราะรับปากกับป่ะป๊าไว้ ว่าจะดูแลแม่กับน้องๆ...”
เป็นคลิปไวรัลที่ไม่อาจทำให้ใครกลั้นน้ำตาได้ เมื่อน้อง “มาร์ค พงษ์ภณ” ลูกชายวัยเพียง 13 ปีของพระเอกผู้ล่วงลับ “เมฆ วินัย ไกรบุตร” ขึ้นเวทีประกวดร้องเพลงรายการ Golden Song ด้วยบทเพลง “อยากหยุดเวลา” เพื่อระลึกถึงคุณพ่อที่จากไป พร้อมน้ำเสียงสะเทือนใจที่สะกดคนดูทั้งห้องส่ง และผู้ชมทั่วประเทศให้ร่ำไห้ไปพร้อมกัน
แต่เรื่องราวไม่จบเพียงแค่การร้องเพลง เพราะเบื้องหลังเสียงใสซื่อของเด็กชายคนนี้ คือภาระชีวิตอันแสนหนักอึ้งที่ “น้องมาร์ค” แบกรับไว้ทั้งใจ เพื่อ “แม่เอ๋ อรชัญญาช์” และน้องๆ อีก 2 คน
จากเวทีประกวด...สู่เวทีชีวิตที่โหดร้าย
เมื่อพิธีกรถามถึงความหมายของเพลงที่เลือก น้องมาร์คตอบอย่างซื่อๆ ว่า
“คิดถึงคนที่จากไปแล้วครับ ก็คือคุณพ่อ…”
เป็นคำพูดที่เรียบง่าย แต่บีบหัวใจทุกคนในสตูดิโอ ขณะที่คุณแม่ “เอ๋” นั่งน้ำตาคลอข้างลูกชาย เธอบอกว่าเพลง “อยากหยุดเวลา” เคยเป็นเพลงที่ “พี่เมฆ” ชอบ เพราะเคยเล่นเป็น “พี่มาก” ใน “นางนาก” และเมื่อมาร์คเอามาร้อง ก็ยิ่งเชื่อมโยงกับความรู้สึกในครอบครัวจนกลายเป็นพลังทางอารมณ์ที่แรงเกินต้าน
และเมื่อเสียงเพลงจบลง คำชมจากกรรมการคือการยืนยันว่า เด็กคนนี้ร้องจากหัวใจ ร้องให้พ่อ ร้องเพื่อแม่ และร้องเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว
เสียงเพลงแลกค่าข้าว – เด็กชายวัย 13 สู้เพื่อบ้าน
การประกวดร้องเพลงไม่ใช่ความฝันธรรมดา แต่มันคือภารกิจของเด็กชายผู้มีหัวใจลูกผู้ชาย “น้องมาร์ค” บอกชัดเจนว่า
“พ่อเคยบอกว่า ถ้าพ่อไม่อยู่ ช่วยดูแลแม่ ดูแลน้องๆ ด้วยนะครับ…”
และหลังคำพูดนั้นไม่นาน พ่อก็จากไปจริงๆ
แม่ “เอ๋” กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เมื่อลูกชายบอกว่า เห็นแม่ต้องทำงานหนัก ขายของออนไลน์ หาเลี้ยงน้องๆ เพียงลำพัง แถมยังบริจาคไตข้างหนึ่งให้พี่สาว เขาจึงอยากมีชื่อเสียง เพื่อจะได้ช่วยขายของให้แม่ หรือแม้กระทั่งช่วยดูแลบ้านเมื่อแม่ล้มป่วย
13 ขวบ กับภาระหนี้สิน 6.5 ล้าน ที่เหลือเพียง 3 ล้านในวันนี้—เพราะความเข้มแข็งของแม่ และหัวใจอันบริสุทธิ์ของลูก
“มารคอยากนอนกับแม่” – เบื้องหลังน้ำตาที่ลูกเห็น
แม้แม่จะไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ลูกเห็น แต่ลูกเห็นหมดแล้ว
“ตอนนั้นมารคจะเดินไปนอน เห็นแม่ดูรูปพ่อแล้วร้องไห้ มารคก็เลยบอกว่า วันนี้มารคนอนด้วยนะครับ แล้วก็กอดแม่ไว้…”
ประโยคเรียบง่าย แต่เจ็บลึกในใจแม่เอ๋ เธอเล่าว่าแม้ตนจะงดซื้อเสื้อผ้า งดฟุ่มเฟือยทุกอย่าง เพื่อให้ลูกได้เรียนที่โรงเรียนอินเตอร์ที่ดีที่สุดที่พอสู้ไหว แต่หัวใจของแม่ก็เจ็บแทบขาดเมื่อวันหนึ่งรู้ว่า “น้องแมม” ลูกสาวอีกคน โดนเพื่อนบูลลี่เพราะเรียนไม่เก่งพอ ต้องนั่งกินข้าวคนเดียว
เธอเล่าว่า ต้องไปเฝ้าที่โรงเรียนถึง 7 วันเต็ม จึงรู้ว่าลูกโดนตัดออกจากกลุ่ม ตั้งแต่นั้น เธอตัดสินใจย้ายลูกทั้งสามไปเรียนที่ใหม่ แม้ค่าใช้จ่ายจะสูง แต่เธอบอกว่า “การศึกษาคือลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต”
“ป่ะป๊าตายแล้วเหรอ?” – คำถามจากน้องเมิร์ชที่จุกอกยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น
ลูกชายคนเล็ก “น้องเมิร์ช” ยังไม่เข้าใจคำว่าการสูญเสีย วันหนึ่งเอ่ยถามแม่เอ๋ว่า
“ป่ะป๊าตายแล้วเหรอ?”
แม่เอ๋สะอึก ก่อนตอบทั้งน้ำตาว่า “ใช่ลูก ป่ะป๊าอยู่บนสวรรค์แล้ว…”
เพียงประโยคสั้นๆ แต่กลั่นมาจากหัวใจแม่ผู้เข้มแข็งที่สุดคนหนึ่งในโลก
1 ปีผ่านไป หนี้ 6.5 ล้าน เหลือเพียง 3 ล้าน
“แม่เอ๋” เปิดใจว่า ตั้งแต่สามีจากไป เธอต้องดูแลลูก 3 คนด้วยตัวคนเดียว จากหนี้ก้อนโตที่พี่เมฆทิ้งไว้กว่า 6.5 ล้าน ผ่านไปเพียง 1 ปี เธอลุยงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ จนเหลือหนี้เพียง 3 ล้าน และเธอก็ยังจะสู้ต่อไป
เธอไม่ขอสิ่งใดจากโลกใบนี้...นอกจากให้ลูกทั้งสามคนได้ “โตมาอย่างมีคุณภาพ” และจดจำพ่อไว้ในหัวใจตลอดไป
“เสียงร้องของเด็กชายวัย 13 ไม่ได้เพียงร้องให้พ่อที่จากไป...แต่มันคือเสียงร้องของความรัก ความกตัญญู และความหวังของบ้านหลังหนึ่ง ที่ต่อให้พังสลายแค่ไหน ก็ยังมีเสียงเพลงของลูกเป็นรากฐานใหม่ ที่จะพาครอบครัวลุกขึ้นอีกครั้ง…”
ใครอ่านถึงตรงนี้แล้วยังไม่ร้องไห้...หัวใจคุณคงแกร่งเกินมนุษย์แล้วจริงๆ 💔

