หากอาชีพนักเขียนนวนิยายหายไปพร้อมกันทั่วโลก… โลกวรรณกรรมจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร
หากอาชีพนักเขียนนวนิยายหายไปพร้อมกันทั่วโลก… โลกวรรณกรรมจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร
แม้จะเป็นเพียงสมมุติฐานที่ดูห่างไกลความจริง แต่อย่างไรก็ดี หากเกิดเหตุการณ์ที่อาชีพ “นักเขียนนวนิยาย” สูญหายไปจากทุกประเทศพร้อมกัน ย่อมส่งผลสะเทือนต่อหลากหลายมิติ ทั้งในด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ จิตใจของผู้คน ตลอดจนทิศทางของสื่อบันเทิงในภาพรวม
1. การขาดแหล่งบันดาลใจทางจินตนาการ
นวนิยายมิใช่เพียงเรื่องราวเพื่อความบันเทิง แต่ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะความคิด จินตนาการ และมุมมองต่อโลก หากปราศจากนักเขียนที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดความคิดเหล่านี้ มนุษย์อาจค่อย ๆ สูญเสียแรงบันดาลใจที่เคยได้รับจากตัวละครหรือเรื่องราวที่สะท้อนชีวิต
2. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิง
ภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์จำนวนไม่น้อยมีจุดเริ่มต้นจากนวนิยาย หากไม่มีนักเขียน ก็อาจทำให้แหล่งเนื้อหาหลักลดลงอย่างมาก ส่งผลต่อทั้งวงการผลิตสื่อและผู้บริโภคที่เคยได้เสพงานคุณภาพจากปลายปากกาของนักเขียน
3. สูญเสียมรดกทางวัฒนธรรม
นวนิยายเป็นส่วนหนึ่งของการจดบันทึกสังคมในแต่ละยุคสมัย หากอาชีพนักเขียนหายไป การบันทึกประวัติศาสตร์ในรูปแบบวรรณกรรมก็จะหยุดชะงัก ทำให้คนรุ่นหลังขาดเครื่องมือในการเข้าใจความเป็นไปของอดีต
4. กระทบจิตใจของผู้รักการอ่าน
สำหรับผู้อ่านจำนวนมาก นวนิยายคือเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ เป็นที่พึ่งทางอารมณ์ หากขาดแหล่งพักพิงนี้ อาจทำให้ผู้คนรู้สึกโดดเดี่ยว หรือขาดพื้นที่ปลอดภัยในการหลีกหนีจากความเครียดของโลกจริง
5. เทคโนโลยีอาจเข้ามาแทนที่
ในอนาคต เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อาจสามารถสร้างนวนิยายได้ ทว่าแม้จะเขียนได้อย่างมีโครงสร้างและภาษาที่สละสลวย แต่ก็ยากที่จะทดแทนหัวใจ ความรู้สึก และประสบการณ์ที่แท้จริงของมนุษย์ผู้เป็นนักเขียน
ท้ายที่สุด แม้เพียงเป็นข้อสมมุติ แต่เหตุการณ์นี้เตือนให้เราตระหนักถึงคุณค่าของนักเขียนนวนิยายในฐานะผู้สร้างโลกอีกใบที่ให้มนุษย์ได้เข้าไปพักใจ และเป็นแรงผลักดันสำคัญของวัฒนธรรมมนุษยชาติที่มิอาจประเมินค่าได้
















