“ทำงานยังไง…ไม่ให้ใจหมดไฟ?”
การตื่นเช้าไปทำงานทุกวัน บางครั้งก็เหมือนการวิ่งบนสายพานที่ไม่มีวันหยุด
เริ่มต้นจากความตั้งใจแน่วแน่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับเริ่มรู้สึกเหนื่อย ล้า และไม่มีความสุขเหมือนเดิม
อาการแบบนี้เรียกว่า “หมดไฟ” หรือ Burnout ซึ่งไม่ได้เกิดแค่กับคนทำงานหนักเท่านั้น แต่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน
คำถามคือ…เราจะทำงานไปพร้อมกับการรักษาใจให้อบอุ่นอยู่เสมอได้อย่างไร?
1. ฟังเสียงหัวใจตัวเองให้เป็น
เมื่อไหร่ที่รู้สึกไม่อยากตื่น ไม่อยากเจอใคร หรือแม้แต่งานที่เคยรักก็กลายเป็นเรื่องที่ฝืนให้รู้ว่า…นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนจากใจอย่าฝืน จงฟังและถามตัวเองว่า “เราเหนื่อยจากอะไร?” หรือ “เรากำลังคาดหวังจากตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า?”
2. อย่าลืมดูแลตัวเองเหมือนที่ดูแลงาน
เราใส่ใจงานทุกขั้นตอน แต่อาจละเลยสุขภาพกายใจของตัวเองการนอนให้พอ กินอาหารดี ๆ เดินเล่นบ้างในวันหยุด หรือมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ต้องทำอะไรเลยบ้างสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความขี้เกียจ แต่คือการ “ชาร์จพลัง” ให้กลับมาลุยได้เต็มที่อีกครั้ง
3. แบ่งงาน แบ่งใจ
อย่าพยายามแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวเรียนรู้ที่จะขอความช่วยเหลือ แบ่งงานให้ทีม หรือคุยกับหัวหน้าเมื่อรู้สึกว่าภาระหนักเกินไปคนเก่งไม่ใช่คนที่ทำได้หมดทุกอย่าง แต่คือคนที่รู้จักรักษาแรงตัวเองให้อยู่ได้นาน
4. อย่าให้คำว่า “ประสบความสำเร็จ” มาบีบใจ
บางครั้งสิ่งที่ทำให้เราหมดไฟ ไม่ใช่งานที่ทำ แต่คือ “ความกดดัน” ว่าต้องไปให้ถึงจุดนั้น จุดนี้อย่าลืมว่า…ความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกันเดินไปตามจังหวะของตัวเอง ยิ้มให้กับทุกก้าวที่เดิน แม้จะยังไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่ก็ไม่ได้เดินหลงทาง
5. เติมใจด้วยสิ่งเล็ก ๆ ที่รัก
บางคนหมดไฟเพราะปล่อยให้ชีวิตมีแค่งาน ลองหากิจกรรมง่าย ๆ ที่ทำแล้วใจพอง เช่น ฟังเพลงที่ชอบตอนเลิกงาน อ่านหนังสือเบา ๆ ดูซีรีส์ หรือปลูกต้นไม้เล็ก ๆ ที่โตไปพร้อมกับเรา สิ่งเล็ก ๆ ที่ทำให้เรามีความสุข จะกลายเป็นเชื้อไฟที่เติมพลังให้ชีวิตอย่างไม่รู้ตัว
การทำงานให้ดี ไม่ได้แปลว่าต้องทำจนหมดแรงแต่คือการรู้จัก “รักษาใจ” ไปพร้อมกับสร้างผลงานเมื่อเราใส่ใจตัวเองพอ ๆ กับใส่ใจงาน เราจะพบว่า…การทำงานไม่จำเป็นต้อง “หมดไฟ”แต่สามารถ “เติมไฟ” ให้ชีวิตได้เสมอ
















