ผู้ส่งออกบังคลาเทศ ได้รับผลกระทบหลังอินเดีย ปิดเส้นทางขนส่งสินค้า
ผู้ส่งออกในภาคส่วนเครื่องนุ่งห่มของบังกลาเทศ ต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจว่า จะบริหารจัดการการขนส่งระหว่างประเทศ แบบเร่งด่วนอย่างไร? หลังจากที่อินเดียได้ทำการปิดเส้นทางการขนส่งชั่วคราว ซึ่งเคยเป็นเส้นทางที่นิยมสำหรับการ ขนส่งสินค้าทางอากาศ
เส้นทางดังกล่าวซึ่งผ่านท่าอากาศยานโกลกาตาและเดลี ทำให้ผู้ส่งออกของบังคลาเทศสามารถขนส่งสินค้าทางบกมายังอินเดียผ่านชายแดนเบนาโปล-เปตราโปล จากนั้นจึงขนส่งทางอากาศไปทั่วโลก เส้นทางดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมาก ในช่วงและหลังการระบาดของโควิด เนื่องจากให้บริการได้รวดเร็วกว่า และ มักมีต้นทุนต่ำกว่า การใช้บริการท่าอากาศยานนานาชาติฮาซรัตชาห์จาลาล ในเมืองธากาซึ่งมีผู้โดยสารหนาแน่น
จากการประมาณการของอุตสาหกรรมพบว่า สินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปทางอากาศของบังคลาเทศ ประมาณร้อยละ 18 ถูกส่งผ่านท่าอากาศยานในอินเดีย โดยสมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าของบังคลาเทศ กล่าวว่า "บังคลาเทศส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปทางอากาศ ประมาณ 3,400 ตันต่อสัปดาห์ โดยมี 600 ตัน ที่ถูกส่งผ่านท่าอากาศยานในอินเดีย ก่อนการห้ามขนส่งต่อ"
รัฐบาลรับทราบถึงความท้าทายของสนามบิน โดยกล่าวว่า "การปฏิรูปกำลังดำเนินอยู่ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ "มะห์บูร์ เราะห์มาน" กล่าวว่า "เรากำลังดำเนินการเพื่อลดต้นทุนการจัดการภาคพื้นดินของสนามบิน และ ปรับปรุงบริการขนส่งสินค้า"
ที่ปรึกษาด้านพาณิชย์ "สัก บาเชียร์ อุดดิน" ได้จัดการประชุมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เมื่อวานนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสนามบิน ทั้งธากาและซิลเฮต ให้เป็นประตูส่งออกที่มีศักยภาพ"
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของอินเดีย ทำให้เกิดความกังวลว่า "การเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อศักยภาพ โดยเฉพาะศักยภาพภายในภูมิภาค"
อดีตประธานสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่ม "รูบานา ฮุค" ของบังกลาเทศกล่าวว่า "เนื่องจากบังกลาเทศเน้นที่การขนส่งโดยตรง มากกว่าการขนส่งต่อเนื่องมาโดยตลอด ผลกระทบในทันทีจึงอาจไม่รุนแรงนัก"
เจ้าหน้าที่รัฐบาลมีท่าทีที่คล้ายคลึงกัน "มะห์บูร์ ราห์มัน" กล่าวยืนยันว่า "สินค้าไปยังเนปาลและภูฏาน ผ่านท่าเรือบกของโภมรา ไม่ได้รับผลกระทบจากการห้ามของอินเดีย ที่บังคับใช้เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2025" และ "บังคลาเทศจะตอบสนองต่อการตัดสินใจของอินเดีย โดยทางการทูต"















