เรื่องราวของซากแมมมอธที่สมบูรณ์ที่สุดในโลกซากหนึ่ง น่าสนใจจริงๆ
ในปี ค.ศ. 1900 นักล่ากลุ่มหนึ่งได้ค้นพบซากแมมมอธเบเรซอฟกา (Beresovka mammoth) ที่ถูกแช่แข็งอยู่ในชั้นดินเยือกแข็งถาวร (permafrost) ใกล้แม่น้ำเบเรซอฟกา ในเขตไซบีเรีย สิ่งที่ทำให้การค้นพบนี้น่าทึ่งยิ่งกว่าซากโบราณใดๆ คือ ร่างของแมมมอธที่ยังคงอยู่ในสภาพดีเยี่ยม มันนั่งในท่ากึ่งตรง ลำตัวมีสะโพกที่หัก แต่ภายในปากยังคงมีเศษดอกไม้ และในกระเพาะอาหารยังมีอาหารที่ย่อยไม่หมด เหมือนเพิ่งกินเข้าไปไม่นานก่อนตาย
นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซียได้เข้าไปทำการขุดค้นซากนี้ในเวลาไม่นานหลังการค้นพบ และเผยให้เห็นความลับจากยุคโบราณอันน่าพิศวงที่มีอายุกว่า 44,000 ปี
หนึ่งในปริศนาใหญ่ของการค้นพบนี้คือ: เหตุใดแมมมอธตัวนี้จึงถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ในช่วงเวลาอันรวดเร็ว? เพราะจากหลักฐานในกระเพาะอาหาร หากจะให้เนื้อเยื่อภายในไม่เน่าเปื่อยและคงสภาพได้เช่นนี้ แมมมอธขนาดกว่า 6 ตันนี้จะต้องถูกแช่แข็งจนเป็นน้ำแข็งภายในเวลาไม่เกิน 10 ชั่วโมง — ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลยในสภาพอากาศธรรมดา
นักวิทยาศาสตร์จึงตั้งข้อสงสัยว่า อาจมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศอย่างฉับพลันและรุนแรง เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น อุณหภูมิอาจลดลงจากอบอุ่นไปสู่ความหนาวเย็นสุดขั้วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หรืออีกทางหนึ่ง อาจเป็นภัยพิบัติทางธรณีวิทยา เช่น การปะทุของภูเขาไฟ ที่ส่งผลให้แมมมอธถูกฝังในดินเปียกเย็นทันที และกลายเป็นน้ำแข็งในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีออกซิเจน ช่วยรักษาร่างไว้ราวกับหยุดเวลา
แม้จะผ่านไปกว่าศตวรรษนับตั้งแต่การค้นพบ แต่สาเหตุที่แท้จริงของการแช่แข็งอย่างฉับพลันนี้ก็ยังคงเป็นปริศนา นักวิทยาศาสตร์ยังคงตั้งคำถามต่อพลังลึกลับใดกันที่สามารถหยุดยั้งกาลเวลาไว้ได้ในชั่วข้ามคืน และทำให้แมมมอธตัวนั้นยังคงจ้องมองโลกในท่ากึ่งนั่งอย่างสง่างาม ราวกับยังมีเรื่องเล่าจากยุคโบราณที่ยังไม่ถูกเปิดเผย.







