ตานีหลังบ้าน
ตานีหลังบ้าน
เมื่อหลายสิบปีก่อนในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งอันไกลโพ้นมีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่ริมคลอง ทั้งสองตัดสินใจไปอยู่บ้านเก่าของปู่คำ ปู่คำเป็นปู่ของสิน บ้านหลังนี้เป็นบ้านเรือนไทยตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน บริเวณบ้านรายล้อมด้วยไม้ผลนานชนิดและต้นกล้วยตานีจำนวนมาก หนึ่งในดงกล้วยตานียังมีกล้วยตานีอยู่ต้นหนึ่งมีลำต้นสูงใหญ่ ใบหนาทึบ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้กล้วยต้นนี้
คนในหมู่บ้านเล่าให้สินฟังว่า
“ต้นกล้วยกอนี้มีผีสิงเป็นที่อยู่ของนางตานี เดิมทีต้นกล้วยกอนี้เป็นแค่เพียงต้นกล้วยธรรมดาต้นหนึ่งแต่อยู่มาวันหนึ่งได้มีหญิงสาวท้องแก่มาแทงตัวเองตายเพียงเพราะถูกคนรักหักอกด้วยความน้อยใจจนตัดสินฆ่าตัวตายโดยไม่คำนึงนึกถึงชีวิตของลูกในท้อง
สินกับมานีไม่เชื่อเรื่องนี้ พวกเขากลับหัวเราะทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องเล่านี้
หลังจากที่ทั้งสดงย้ายเข้าบ้าน มานีเริ่มฝันแปลกๆ ฝันซ้ำกันทุกคืนว่าตัวเองยืนอยู่กลางดงกล้วย กอกกล้วยไหวเอนไปมาทั้งที่ไม่มีลม ในความมืดมีเงาผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นกล้วยใหญ่ ใบหน้าซีดเผือด ผมยาวปิดหน้า เสียงแหบแห้งกระซิบว่า...
“ ออกไป... นี่ที่ของข้า... ” เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักใหญ่ มานีเริ่มนอนไม่หลับ ขวัญผวา สะดุ้งตื่นกลางดึกทุกคืน เธอบอกกับสินว่า ผู้หญิงในฝันเริ่มเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ และเมื่อเธอพยายามวิ่งหนี ขากลับขยับไม่ได้
ช่วงกลางวันเเธอเริ่มได้ยินเสียงแปลกๆ จากต้นกล้วยหลังบ้าน ในหูของเธอได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะ กรีดร้องสลับกันไปมาและในบางครั้งได้ เธอยังได้กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ลอยมากับลม ทั้ง
จนวันหนึ่งมานีเป็นล้มลง สินพามานีไปหาหมอตรวจ หลังจากตรวจพบว่ามานีกำลังตั้งท้องอ่อน นับตั้งแต่วันนั้น มานีก็เปลี่ยนไปเหมือนคนละคนเริ่มไม่กินข้าว ไม่พูด ไม่ยิ้มกับใครเลยแม้กระทั่งสินและชอบนั่งเหม่ออยู่หน้าบ้านทุกวัน
“ลูกของฉัน…ไม่ใช่ของฉัน…”
สินเริ่มหวาดกลัว เขาไปถามคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านจึงไปเชิญหมอผีเฒ่าที่เคยไล่ผีตานีนางนี้มาก่อน หมอผีมาถึงก็หน้าซีดทันทีเมื่อเห็นต้นกล้วย
“มันยังอยู่... ผีมันยังไม่ไปไหน”
หมอผีเตรียมพิธีสวดในคืนวันแรม 15 ค่ำ แต่ในระหว่างที่ทำพิธี มานีซึ่งถูกคล้องสายสิญจน์ไว้อยู่ในบ้านเริ่มหัวเราะเสียงแหลมออกมา ดวงตาเปลี่ยนเป็นดำสนิท เสียงพูดเปลี่ยนไปไม่ใช่เสียงของเธออีกต่อไป
“ลูกของข้า ข้ารอมาเกินร้อยปี... อย่ามายุ่ง! ”
จากนั้นสายสิญจน์ก็ขาดมานีวิ่งออกจากบ้านตรงไปยังต้นกล้วยต้นนั้น สินวิ่งตามไปติด ๆ แต่ทันทีที่เข้าใกล้ต้นกล้วย ใบไม้ปลิวไหวไปตามแรงลมพร้อมกับเสียงกรีดร้องดังลั่น ต้นกล้วยไหวเอง ใบกล้วยพันแขนมานีดึงร่างของเธอหายไปในความมืด
เสียงของมานีเงียบลง... สินช็อคทำอะไรถูกมองร่างของเมียตัวเองหายไปกับตา
เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านช่วยกันตามหามานีมีเพียงรอยเท้าที่ถูกลากไปจนถึงใต้ต้นกล้วยใหญ่ นับตั้งแต่วันนั้นไม่มีใครเจอมานีและสินอีกเลย
มีเพียงเครือกล้วยหนึ่งหนึ่งเครืองอกขึ้นจากกล้วยต้นนั้น มีลูกกล้วยหนึ่งลูก กล้วยลูกนั้นมีสีดำคล้ำกลิ่นเหม็นเน่า ใต้ต้นกล้วยมีรอยเลือดสดซึมอยู่บริเวณโค่นต้นกล้วย
นับตั้งแต่นั้นมา ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ต้นกล้วยต้นนั้นอีกเลย...
คนเฒ่าคนแก่บอกว่าถ้าได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกจากในสวนตอนกลางคืนอย่าหันกลับไปมองเด็ดขาด ถ้าหากขานรับเมื่อไหร่จะหายไปทันที เช้ามาจะเจอลูกกล้วยหนึ่งลูกพร้อมกับมีรอยเลือดซึมอยู่บริเวณโค่นต้น















