Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageแชร์ลิ้ง
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

รีวิวหนังสือ 100 นิสัยไม่เป็นคนหัวร้อน

เนื้อหาโดย machete007

 

อาการหัวร้อนเกิดขึ้นได้กับทุกคน เวลาโกรธมันก็ควบคุมตัวเองยาก พออารมณ์เย็นลงหน่อยก็ค่อยมานึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลายคนก็ไม่ได้พอใจที่ตัวเองเป็นแบบนี้

 

เทคนิคจิตวิทยาที่ช่วยให้เราไม่เป็นคนหัวร้อนโดยผู้เขียนชาวญี่ปุ่น : โทดะ คูมิ จะมาให้แนวทางดังกล่าวเอื้อให้เกิด 100 นิสัยไม่ให้เป็นคนหัวร้อน แปลโดย ณัฐกฤตา เพ็ญกุล

 

 

ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์

1."เวลารู้สึกไม่ปลอดภัย มนุษย์จะใช้ความโกรธเป็นเครื่องมือในการรับมือกับสถานการณ์ จึงพูดได้ว่าความโกรธคืออารมณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเราต้องการปกป้องตัวเอง เช่น เวลาที่กำลังเดินลงบันไดในสถานีรถไฟแล้วถูกคนวิ่งชนเกือบตกบันได ไม่ว่าใครก็คงรู้สึกโกรธทั้งนั้น ถ้ารู้สึกโกรธขึ้นมา ให้ลองเปลี่ยนมุมมองว่ามันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเรากำลังให้ความสำคัญกับตัวเอง"

 

2.ถ้าเปลี่ยนความคิดได้ เราก็จะสามารถเปลี่ยนความโกรธให้เป็นสิ่งกระตุ้นในการลงมือทำหรือเป็นตัวช่วยในการทำเป้าหมายให้สำเร็จ คนที่จัดการความโกรธได้คือคนที่สามารถนำความโกรธมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้

 

3."เวลาที่รู้สึกโกรธหรือรู้สึกหงุดหงิด คนเราจะถูกควบคุมด้วยระบบประสาทซิมพาเทติกซึ่งมีหน้าที่ทำร่างกายตื่นตัว ดังนั้น ถ้าอยากใจเย็นลง คุณต้องกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติกซึ่งมีหน้าที่ผ่อนคลายร่างกายแทน วิธีที่แนะนำคือการฝึกหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกช้าๆ โดยให้หายใจเข้าประมาณ 4 วินาที และหายใจออกประมาณ 8 วินาที ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาสัก 2-3 นาที คุณก็จะใจเย็นลงและไม่โกรธจนขาดสติ"

 

4."การออกกำลังกายหนักๆ ไม่ได้ช่วยให้หายเครียด การออกกำลังกายเบาๆ ต่างหากที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดและดีต่อสุขภาพ อย่างการเดินหรือการว่ายน้ำเองก็ส่งผลให้สมองหลั่งสาร 'เอ็นดอร์ฟิน' และ 'เซโรโทนิน' ซึ่งช่วยในการบรรเทาความเครียดออกมาด้วยเหตุนี้ เราจึงรู้สึกผ่อนคลายได้ยากขึ้น"

 

 

5.การเข้าใจธรรมชาติของความโกรธอย่างถ่องแท้และจัดการกับความโกรธอย่างเหมาะสมจะช่วยให้เราเติบโตขึ้น ดังนั้น ถ้าตอนไหนรู้สึกโกรธขึ้นมาก็ลองเปลี่ยนความโกรธให้เป็นแรงจูงใจ

 

6.การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมช่วยให้จิตใจสงบ ไม่ว่าจะเป็นแอโรบิกหรือการยืดกล้ามเนื้อก็ช่วยจัดการกับความเครียด ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความโกรธได้เป็นอย่างดี

 

7.จิตใจผ่อนคลายจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อนอนหลับเพียงพอ ดังนั้น ในช่วงเวลาก่อนนอนแทนที่จะนึกถึงเรื่องที่ทำให้หงุดหงิด เราควรเปลี่ยนไปนึกถึงเรื่องดีๆหรือเรื่องที่ทำให้ดีใจมากกว่า เพราะการทำแบบนั้นไม่เพียงช่วยให้นอนหลับสบาย แต่ยังทำให้เราตื่นเช้ามาพร้อมความรู้สึกที่ดีด้วย

 

8.แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่ได้ถูกใจไปทั้งหมด แต่หากสามารถคิดได้ว่า"ไม่เหมือนที่ต้องการซะทีเดียว แต่ได้เท่านี้ก็โอเคแล้ว" "ขัดใจนิดหน่อยแต่ช่างมันเถอะ" เราจะไม่ถูกความโกรธครอบงำง่ายๆอีกต่อไป ดังนั้น ถ้าเจอเรื่องที่ยอมรับไม่ได้แล้วหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ลองถามตัวเองว่า"เรื่องนี้มันยอมรับไม่ได้จริงๆเหรอ"

 

9.เพราะแต่ละคนมีค่านิยมแตกต่างกัน เรื่องธรรมดาของตัวเองกับเรื่องธรรมดาของคนอื่นจึงไม่เหมือนกัน ถ้าปักใจเชื่อมากเกินไปว่าเรื่องธรรมดาของตัวเองคือบรรทัดฐานที่ถูกต้อง เมื่อไม่เป็นไปตามที่คิด เราก็จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

 

10.ยิ่งเรายัดเยียดความคิดของตัวเองให้กับคนอื่น ไม่เพียงความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายจะยิ่งแย่ลงเท่านั้น แต่ตัวเราเองก็จะยิ่งหัวร้อนมากขึ้นด้วย

 

11.การที่คนเราแตกต่างกันต่างหากคือเรื่องธรรมดาที่แท้จริง ไม่มีใครคิดเหมือนกันหรอก เวลาที่นึกถึงคำว่า"เรื่องธรรมดา" "เรื่องทั่วไป""เรื่องปกติ" ให้เราหยุดคิดสักนิดว่า"เรื่องธรรมดาของเราอาจไม่ใช่เรื่องของคนอื่น"ก็ได้

 

12.สมองเป็นอวัยวะที่เกลียด การเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรม ความคิด ค่านิยม หรืออะไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างล้วนต้องอาศัยการใช้พลังงาน สมองในปริมาณมาก ด้วยเหตุนี้ เวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง คุณจึงเกิดความคิดเชิงลบขึ้นมาในทำนองว่า "อาจทำได้ไม่ดีก็ได้ ” หรือ “ต้องทำพลาดแน่ๆ" และ รู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ก้าวไปข้างหน้าสักที

 

 

13.ความโกรธ คือ อารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ “ความคาดหวัง หรือ “ความต้องการ ” ไม่เป็นไปตามที่คิด ดังนั้น ถ้าคุณไม่อยาก รู้สึกหงุดหงิด ก็ให้คิดว่า ความโกรธ ไม่ใช่“เรื่องไม่ดี” แต่เป็นเรื่องที่ต้องบอกออกไปแทน การบอกความรู้สึก หรือ ความต้องการ กับ อีกฝ่ายตรงๆจะช่วยให้ความหงุดหงิดน้อยลงเอง

 

14.เวลาที่ถูกคนนอกครอบครัวถามเรื่องที่ไม่ค่อยอยากตอบอย่าง “ ครอบครัว มีรายได้เท่าไหร่

“ลูกเข้าเรียนที่ไหน” คุณต้องลอง ตอบกลับไปว่า

" ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ทุกคนก็พยายามทำงานกันเต็มที่นะ หรือ “ ให้ไปเรียนที่ที่อยากเรียนน่ะ"เพื่อเลี่ยงการตอบคำถามได้

 

15.ถ้าไม่อยากหงุดหงิดที่ตัวเองกลัวการเปลี่ยนแปลง การบอกกับตัวเองว่าเรื่องนั้นช่างมันก่อน อาจไม่ใช่แบบนั้นก็ได้ คือวิธีหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ลองใช้วิธีเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง

 

16.ในการพูดปฏิเสธให้เริ่มจากขอบคุณหรือขอโทษก่อน จากนั้นค่อยต่อด้วยเหตุผลที่ปฏิเสธหรือเราจะเสนอตัวเลือกอื่นให้แทนก็ได้ เมื่อทำตามนี้บทสนทนาจะจบลงอย่างราบรื่น

 

17.การถามว่าทำไมไปเรื่อยๆจะทำให้เราและอีกฝ่ายหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆจนบรรยากาศยิ่งเลวร้ายลงแนะนำว่าควรเปลี่ยนไปใช้คำว่า"แล้วยังไงต่อ"แทน แล้วอีกฝ่ายจะเริ่มมองไปยังอนาคตข้างหน้าและคิดหาวิธีแก้ปัญหาออกในที่สุด

 

 

18.ถ้าอยากกระตุ้นการทำงานของอีกฝ่าย เราต้องให้เหตุผลลงไป เพราะมนุษย์จะลงมือทำอะไรสักอย่างก็ต่อเมื่อรู้ว่าทำไมต้องทำ การบอกเหตุผลที่จำเป็นตั้งแต่แรกจะช่วยลดการโต้เถียงหรือการโกรธกันโดยไม่จำเป็น

 

19.มนุษย์จะรู้สึกสนิทสนมและใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากขึ้นด้วยการพึ่งพาหรือขอร้องคนอื่นไม่ใช่การแสดงความอ่อนแอของตัวเอง แต่เป็นการกระชับความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่างหาก ลองเอ่ยปากขอความช่วยเหลือบ้างแล้วเราจะสนิทสนมกับคนรอบข้างมากขึ้น แถมไม่ต้องแบกรับภาระมากเกินไปจนต้องมานั่งหงุดหงิดอีกด้วย

 

20.ในความเป็นจริงเราไม่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อแข่งขัน แต่เพื่อหาข้อสรุปหรือวิธีแก้ปัญหา ดังนั้น หากเรามีแนวโน้มพูดเอาชนะก็ให้เปลี่ยนการพูดเพื่อสร้างความสัมพันธ์ เราจะไม่มาหงุดหงิดง่ายๆหากไม่สนเรื่องแพ้ชนะ

 

21.ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ก็ไม่ต้องพยายามไปเปลี่ยนแปลงอีกฝ่าย แค่เปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองเปลี่ยนวิธีคุย เปลี่ยนสภาพแวดล้อม ก็ช่วยแก้ปัญหาโดยไม่ต้องโกรธกันแล้ว

 

22.ถ้าอยากให้วันนั้นอารมณ์ดี ต้องตื่นมาเก็บที่นอนในตอนเช้า เพราะแค่ได้ทำอะไรสำเร็จในเช้าวันใหม่ เราก็จะมีแรงใช้ชีวิตในวันนั้นอย่างเต็มที่แล้ว

 

 

23.สภาพภายในกระเป๋าเป็นเหมือนภายในสะท้อนภายในจิตใจของคุณ ดังนั้น เวลาที่รู้สึกหงุดหงิด คุณจึงควรจัดระเบียบกระเป๋าเพื่อจัดระเบียบจิตใจของตัวเองไปด้วย เมื่อกลับไปถึงบ้านแล้วลองนำของในกระเป๋าออกมาจัดระเบียบใหม่ดู ” อีกหนึ่งเคล็ดลับที่จะช่วยรักษาความสะอาด ของกระเป๋า คือ การใช้กระเป๋า หลายใบสลับกัน เพราะการใช้กระเป๋าแค่ใบเดียวจะทำให้คุณเผลอเพิ่มของที่ไม่จําเป็นลงไปในกระเป๋า เรื่อยๆ

 

24.หากคุณปฏิบัติตัวดี อีกฝ่ายก็จะปฏิบัติตัวดี ตอบเช่นกัน ความสัมพันธ์กับคนอื่นเป็นไปได้อย่างราบรื่น ขอแค่ชีวิต 1 วันของคุณก็จะเต็มไปด้วยความรู้สึกดี และไม่มีเรื่องให้หงุดหงิด มาเริ่มจากการบอกตัวเองว่าจะปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ เป็นเวลา 24 ชม. กันเถอะ ลองเปลี่ยนวิธีเข้าหาคนอื่น หรือเปลี่ยน คำพูดที่ใช้ดูบ้าง ถ้าคุณปฏิบัติตัวเหมือนว่าวันนี้เป็นวันที่ดีขึ้นมาจริงๆ

เนื้อหาโดย: machete007
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
machete007's profile


โพสท์โดย: machete007
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
มาเป็นคนแรกที่ VOTE ให้กระทู้นี้
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
5 ธุรกิจเสือนอนกิน ที่คุณก็เริ่มได้วิธีเช็ก "น้ำผึ้งแท้" หรือ "น้ำผึ้งปลอม" ทำอย่างไรบ้าง? แชร์ประสบการณ์จากคนที่เคยโดนหลอกมาแล้วจีนแบ่ง “หินดวงจันทร์” ให้สหรัฐฯ แม้สงครามการค้าจะเดือดเกิดอะไรขึ้น ราคาทองคำผันผวนกระทันหัน!ผู้นำเกาหลีเหนือ อวดโฉมเรือพิฆาตลำใหม่ระทึก!ไฟไหม้สยามแสควร์!!กัลปังหา​ ต้นไม้ที่ถูกจัดว่าเป็นสัตว์ เพราะอะไร?รัสเซียจัดคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ จบสงครามโลกครั้งที่ 2ดาราดังของจีน "เซีย อี้ตัน" เสียชีวิตแล้ว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เกิดอะไรขึ้น ราคาทองคำผันผวนกระทันหัน!"พั๊นรักแมว" เอาผิดเกรียนโซเชียล หลังถูกกล่าวหาใช้เส้นสอบเข้าแพทย์ ทนายเจบีลุยดำเนินคดีรัสเซียจัดคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ จบสงครามโลกครั้งที่ 2รวมการ์ด YU-GI-HO GX จากในการ์ตูนมาสู่ของจริงที่เรามามาให้ดู
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ทั่วไป
ผิวไหม้แดด – อยากผิวแทน แต่ได้ผิวแสบแทน! 🔥🌞รวมการ์ด YU-GI-HO GX จากในการ์ตูนมาสู่ของจริงที่เรามามาให้ดู100 คำศัพท์ในห้องครัวไขข้อเท็จจริง! แถบสีหลอดยาสีฟันไม่ได้บอกส่วนผสมอย่างที่มีคนเคยบอก
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน Lineหาเพื่อน SkypePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageแชร์ลิ้ง
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง