เมืองระบบขนส่งเจ๋งที่สุดในโลก
เมืองที่ได้รับการจัดอันดับในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณลักษณะสำคัญของระบบขนส่งที่ดี ได้แก่
• ความตรงต่อเวลา
• ความปลอดภัย
• ความสะอาด
• ราคาที่เข้าถึงได้
• การเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ได้ง่าย
• การออกแบบที่เป็นมิตรกับคนทุกวัย
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าเมืองที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะมักจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีความสุข และสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาเมืองในยุคใหม่ที่ต้องเผชิญกับปัญหาโลกร้อน ความแออัด และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ได้แก่
1. ฮ่องกง (Hong Kong) อันดับ 1 ของโลก
ระบบขนส่งของฮ่องกงมีความตรงเวลา ปลอดภัย และสะอาด ใช้งานง่ายด้วยบัตร Octopus ที่เชื่อมต่อทุกบริการ ทำให้ไม่ต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนตัว
2. เมืองจีนครอง 3 อันดับแรก
เซี่ยงไฮ้ (2) และปักกิ่ง (3) สะท้อนถึงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของจีนที่รวดเร็วและครอบคลุม ทั้งในด้านเทคโนโลยีและการบริการ
3. เมืองตะวันออกกลางอย่างอาบูดาบี (4) และโดฮา (10) ติดอันดับสูง
แม้จะเป็นเมืองที่เพิ่งพัฒนาระบบขนส่ง แต่การออกแบบที่ทันสมัยและใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยให้เกิดระบบที่มีคุณภาพสูง
4. ไทเป (5) ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ทุกกลุ่ม
สถานีมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ เด็ก ผู้สูงวัย ถือเป็นเมืองที่เป็นมิตรต่อทุกคน
5. ลอนดอน (6) ผสานระหว่างระบบเก่าและเทคโนโลยีใหม่
แม้จะเป็นเมืองเก่าแก่ แต่สามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัลได้ดี เช่น การใช้แอปช่วยเดินทางและตั๋วแบบ contactless
6. เวียนนา (7) สร้างสมดุลระหว่างคุณภาพชีวิตกับระบบขนส่ง
ค่าบริการไม่แพง การเดินทางตรงเวลา และเมืองถูกออกแบบให้สนับสนุนการใช้ขนส่งสาธารณะมากกว่ารถส่วนตัว
7. โซล (8) มีระบบไฮเทคและราคาเข้าถึงได้
มี Wi-Fi ฟรีในรถไฟฟ้า ระบบแผนที่ชัดเจน และแอปแนะนำเส้นทาง สะท้อนถึง Smart City ที่แท้จริง
8. อินเดียติด 2 อันดับ — มุมไบ (9) และเดลี (11)
ทั้งสองเมืองกำลังพัฒนาระบบขนส่งให้ทันสมัยขึ้น โดยเฉพาะรถไฟใต้ดินที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
9. สิงคโปร์ (12) คือโมเดลเมืองอัจฉริยะ
มีการจัดระเบียบการใช้รถยนต์ส่วนตัว และผลักดันให้ประชาชนใช้ขนส่งสาธารณะซึ่งสะอาดและมีคุณภาพสูง
10. ซูริก (13) เด่นเรื่องความตรงต่อเวลา
ระบบขนส่งของสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นชื่อเรื่องความเป๊ะ! จนสามารถตั้งนาฬิกาเทียบเวลารถไฟได้
11. เมืองในอังกฤษติดอันดับถึง 3 เมือง
ได้แก่ ลอนดอน (6), ไบรตัน (14), และเอดินบะระ (15) แสดงถึงความแข็งแกร่งของระบบขนส่งในสหราชอาณาจักร แม้จะมีความเก่าแต่ยังรักษาคุณภาพได้ดี
12. ออสโล (16) เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เมืองหลวงของนอร์เวย์มุ่งเน้นขนส่งสะอาด พลังงานไฟฟ้า และส่งเสริมการปั่นจักรยานควบคู่กัน
13. จาการ์ตา (17) พยายามแก้ปัญหารถติดด้วย MRT
แม้จะขึ้นชื่อเรื่องจราจรติดขัด แต่มีความพยายามสูงในการสร้างระบบขนส่งใหม่ที่เข้าถึงง่ายและประหยัด
14. เมืองยุโรปตะวันออกอย่างวอร์ซอว์ (18) และทาลลินน์ (19) ก็โดดเด่น
อ้างอิงจาก: 1. Time Out. (2023). The cities with the best public transport in the world. Retrieved from https://www.timeout.com
2. World Bank. (2022). Urban Transport and Mobility in Developing Countries. Retrieved from https://www.worldbank.org
3. International Association of Public Transport (UITP). (2023). Public Transport Trends 2023: Global Mobility Report. Retrieved from https://www.uitp.org
4. United Nations Habitat. (2021). Mobility and Transport for Sustainable Cities. Retrieved from https://unhabitat.org
5. Asian Development Bank. (2022). Sustainable Urban Transport: Strategy and Framework for Asian Cities. Retrieved from https://www.adb.org
















