RF คืออะไร ทำไมจึงได้รับความนิยมในการยกกระชับผิวและปรับหน้าเรียว?
RF คืออะไร ทำไมจึงได้รับความนิยมในการยกกระชับผิวและปรับหน้าเรียว?
ในปัจจุบันนี้ ความนิยมในด้านความงามเปลี่ยนไปจากเดิมที่มักใช้วิธีผ่าตัดศัลยกรรม มาเป็นการใช้เทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ แต่ยังให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในด้านการฟื้นฟูผิวให้เต่งตึง ยกกระชับ ปรับหน้าเรียว และลดไขมันสะสมเฉพาะจุดได้ดีไม่แพ้กัน หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือเทคโนโลยี RF หรือ Radio Frequency ซึ่งเป็นที่พูดถึงอย่างมากทั้งในไทยและต่างประเทศ
ทำความรู้จักเทคโนโลยี RF อย่างละเอียดมากขึ้น
RF (Radio Frequency) หรือที่เราเรียกว่า คลื่นวิทยุความถี่สูง เป็นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถทะลุผ่านชั้นผิวได้ลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยเมื่อพลังงานนี้ลงไปถึงชั้นผิวลึกจะเปลี่ยนเป็นความร้อนประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินหดตัว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวตึงกระชับขึ้น รวมถึงไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่จะแตกตัวและถูกขจัดออกทางระบบน้ำเหลืองอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทำลายเซลล์ผิวบริเวณใกล้เคียง
เทคโนโลยี RF ทำให้แต่ละชั้นผิวเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
- ชั้นหนังกำพร้า จะถูกขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ ช่วยกระชับรูขุมขนให้ดูเล็กลงและผิวเรียบเนียนขึ้น
- ชั้นหนังแท้ คลื่น RF กระตุ้นให้คอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวจัดเรียงตัวใหม่ ผิวจึงกระชับ ยืดหยุ่น ดูอ่อนวัยมากขึ้น
- ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ไขมันจะเกิดการแตกตัวและสลายออกจากร่างกายโดยไม่กระทบเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง ผลคือไขมันส่วนเกินลดลงอย่างเห็นได้ชัด
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.romrawinclinic.com/lifting/what-is-radio-frequency
หัตถการยอดนิยมที่ใช้เทคโนโลยี RF
- โปรแกรม Thermage ใช้ RF แบบขั้วเดียว (Monopolar RF) เหมาะกับการกระชับผิวและลดไขมันส่วนเกินลึกถึงชั้นใต้ผิวได้ดี โดยไม่ต้องผ่าตัด
- โปรแกรม Oligio มีจุดเด่นที่การปล่อยพลังงานสม่ำเสมอ ใช้เวลารักษารวดเร็วเพียง 20-30 นาที พร้อมมีระบบป้องกันผิวไหม้ระหว่างการทำหัตถการ
- โปรแกรม Volnewmer ช่วยลดสัดส่วนและกระชับผิวด้วยความเจ็บที่น้อยกว่า เพราะมีระบบสั่นและระบบความเย็นลดการสะสมความร้อนที่ผิว
- โปรแกรม EMFACE ใช้คลื่น RF ร่วมกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า HIFES ทำให้ได้ผลลัพธ์คล้ายการออกกำลังกายกล้ามเนื้อ ใบหน้าและสัดส่วนจึงกระชับอย่างชัดเจน
ทำไมเทคโนโลยี RF ถึงช่วยยกกระชับผิวได้ดี?
เมื่อคลื่นเทคโนโลยี RF ลงไปยังใต้ผิวหนังแล้วจะถูกเปลี่ยนจากพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าไปเป็นความร้อน ความร้อนระดับที่เหมาะสมนี้เองจะช่วยกระตุ้นการหดตัวของเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวที่เคยหย่อนคล้อยกลับมาตึงตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันยังไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนรื่อง จึงทำให้ผิวดูแน่นกระชับ มีน้ำมีนวล และดูอ่อนวัยขึ้นได้ทันทีหลังจากทำเสร็จ
จุดเด่นของเทคโนโลยี RF ที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้จริง
- เทคโนโลยี RF ไม่ทำลายเซลล์ผิวโดยรอบ และสามารถเข้าถึงชั้นไขมันลึกได้ดี
- เทคโนโลยี RF สามารถเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน
- เทคโนโลยี RF ไม่ต้องผ่าตัดหรือเปิดแผลหลังทำ จึงฟื้นตัวได้ไว ไม่มีรอยช้ำหรือรอยแผลเป็น
- เทคโนโลยี RF ลดไขมันเฉพาะจุดที่ลดได้ยาก เช่น เหนียง ใต้คาง หรือต้นขา
ใครที่เหมาะกับการทำเทคโนโลยี RF?
- เทคโนโลยี RF เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- เทคโนโลยี RF เหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดที่กำจัดได้ยาก
- เทคโนโลยี RF เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ดูดไขมัน หรือมีรอยแผลหลังทำ
- เทคโนโลยี RF เหมาะกับผู้ที่อยากได้ผลลัพธ์รวดเร็วและคงอยู่ได้นานหลายเดือน
ข้อควรระวังและข้อจำกัดของการทำเทคโนโลยี RF
การทำเทคโนโลยี RF ไม่เหมาะกับผู้มีโรคประจำตัวร้ายแรง ผู้มีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ ผู้ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และผู้มีแผลเปิดบริเวณที่ต้องการทำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอเพื่อความปลอดภัย
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำเทคโนโลยี RF
- เทคโนโลยี RF อาจทำให้รู้สึกอุ่นหรือร้อนระหว่างทำ แต่มักมีการใช้ยาชาหรือระบบหล่อเย็นช่วยลดความเจ็บ
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานแต่ไม่ถาวร ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาหลังทำ
- ควรงดทำหัตถการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความร้อนช่วงก่อนและหลังทำเทคโนโลยี RF
ส่วนไหนของร่างกายที่นิยมทำเทคโนโลยี RF มากที่สุด?
จุดที่ได้รับความนิยมในการทำเทคโนโลยี RF คือ บริเวณใบหน้า รอบดวงตา กรอบหน้า เหนียง คอ หลังมือ ต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง เพราะเป็นจุดที่มีการสะสมไขมันหรือมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ง่ายที่สุด
เหตุผลที่เทคโนโลยี RF เป็นที่นิยมสำหรับการสลายไขมัน
นอกจากการยกกระชับผิวแล้ว เทคโนโลยี RF ยังโดดเด่นในเรื่องการกำจัดไขมันส่วนเกิน เนื่องจากความร้อนจากคลื่นวิทยุจะทำให้เซลล์ไขมันเกิดการแตกตัวและสลายตัวอย่างเฉพาะเจาะจง ไขมันที่ถูกทำลายจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางระบบน้ำเหลืองและระบบขับถ่ายอย่างปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องเจาะ ดูด หรือผ่าตัด นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่หลายคนเลือกใช้วิธีนี้มากกว่าการดูดไขมันแบบเดิม ๆ เพราะปลอดภัยกว่า เจ็บน้อยกว่า และไม่ต้องพักฟื้นนาน
ผลลัพธ์จากการทำเทคโนโลยี RF อยู่ได้นานเท่าไร?
สำหรับผลลัพธ์ของการรักษาด้วยเทคโนโลยี RF โดยทั่วไปนั้นจะสามารถคงอยู่ได้ยาวนานประมาณ 6-12 เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพผิว อายุ ไลฟ์สไตล์ หรือกิจกรรมประจำวัน เช่น การออกกำลังกายและการดูแลตัวเองหลังทำ หากมีการดูแลสุขภาพร่างกายที่ดี เช่น การออกกำลังกายเป็นประจำและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ผลลัพธ์ก็อาจคงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
ควรเลือกสถานบริการอย่างไรให้ไม่อันตราย?
การเลือกสถานบริการเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก่อนตัดสินใจทำเทคโนโลยี RF โดยควรเลือกสถานบริการที่มีแพทย์เฉพาะทางผู้มีประสบการณ์ เครื่องมือได้รับมาตรฐานสากล รวมถึงมีรีวิวผลการรักษาที่ชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุดนั่นเอง
การทำเทคโนโลยี RF เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากยกกระชับผิว ลดไขมันส่วนเกิน และปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปลอดภัย และเห็นผลเร็ว จึงกลายเป็นวิธียอดนิยมในกลุ่มผู้รักความงามยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกทำเทคโนโลยี RF ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งต้องเลือกใช้บริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด กับตัวคุณเอง

















