เปรียบเทียบ 4 วิธีหลักในการยกกระชับใบหน้า เลือกเทคนิคที่เหมาะกับคุณที่สุด
เปรียบเทียบ 4 วิธีหลักในการยกกระชับใบหน้า เลือกเทคนิคที่เหมาะกับคุณที่สุด
ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยก่อนวัย และความไม่กระชับของใบหน้าเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนกังวล ไม่ว่าจะเป็นวัยหนุ่มสาวที่ต้องการคงความสดใส หรือวัยที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัย การเลือกวิธี ยกกระชับใบหน้า ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ปัจจุบันมีเทคนิคการยกกระชับใบหน้าอยู่หลายประเภท ตั้งแต่วิธีที่สามารถทำได้เองที่บ้าน ไปจนถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและการศัลยกรรมเพื่อผลลัพธ์ระยะยาว ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก 4 วิธีหลักของการยกกระชับใบหน้า พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละวิธี เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
วิธีเช็กว่าผิวต้องยกกระชับใบหน้าหรือยัง?
ก่อนจะเลือกวิธียกกระชับใบหน้า คุณต้องเช็กก่อนว่าผิวหน้าของคุณกำลังมีสัญญาณของความหย่อนคล้อยหรือไม่ โดยสามารถสังเกตได้ด้วยวิธี ดังนี้
- ผิวหน้าเริ่มไม่เต่งตึงเหมือนเดิม
- กรอบหน้าไม่คมชัด ใบหน้าดูหย่อนคล้อย
- ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หางตา และร่องแก้มชัดขึ้น
- รูขุมขนกว้าง ผิวขาดความยืดหยุ่น
- มุมปากตก ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.romrawinclinic.com/lifting/how-to-lifting
การยกกระชับใบหน้าด้วยเทคโนโลยี (Non-Surgical Face Lifting)
การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ใบหน้าเต่งตึงขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
- โปรแกรม Ulthera SPT – เทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ความเข้มสูง (HIFU) ที่สามารถส่งพลังงานลงไปลึกถึงชั้น SMAS ช่วยยกกระชับใบหน้าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- โปรแกรม Thermage FLX – ใช้คลื่นวิทยุ Monopolar RF เพื่อส่งพลังงานความร้อนเข้าสู่ชั้นผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ใบหน้าเต่งตึงขึ้น
- โปรแกรม HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) – เทคนิคที่ให้พลังงานเฉพาะจุด เพื่อลดริ้วรอยและยกกระชับใบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
- โปรแกรม Ultraformer MPT 4D Lift – เทคโนโลยีที่อัปเกรดจาก HIFU สามารถให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดขึ้นและช่วยกระชับโครงสร้างผิวที่หย่อนคล้อย
- โปรแกรม Oligio – เทคโนโลยีคลื่นวิทยุที่ช่วยกระชับใบหน้าและลำคอ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ
การยกกระชับใบหน้าด้วยเทคนิคทางการแพทย์ (Minimally Invasive Face Lifting)
เป็นวิธีที่ช่วยให้ใบหน้ากระชับขึ้นอย่างเห็นผลได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ แต่ใช้เข็มหรือเทคนิคเฉพาะในการกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิว
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ – เติมเต็มบริเวณใบหน้าที่มีริ้วรอยลึก หรือผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย ให้กลับมาเต่งตึง
- โปรแกรมฉีดโบ – ช่วยลดริ้วรอย และทำให้ใบหน้ากระชับขึ้น โดยออกฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อเฉพาะจุด
- โปรแกรมฉีดไขมันตัวเอง – ใช้ไขมันจากร่างกายของตัวเองฉีดเติมเต็มเพื่อให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและกระชับขึ้น
- โปรแกรมการร้อยไหม – การใช้ไหมละลายที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและช่วยยกกระชับใบหน้าทันที
การยกกระชับใบหน้าแบบธรรมชาติ (Natural Face Lifting)
วิธีธรรมชาติที่ช่วยให้ใบหน้ากระชับขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวระยะยาว
- การบริหารใบหน้า (Facial Exercises) – เช่น ท่าดันแก้ม ท่ายกคาง และการบริหารกล้ามเนื้อรอบดวงตา
- การนวดหน้า (Facial Massage) – ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวดูสดใสและยกกระชับขึ้น
- การมาสก์หน้าจากธรรมชาติ – เช่น ไข่ขาว, น้ำผึ้ง, อะโวคาโด ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
การยกกระชับใบหน้าด้วยการศัลยกรรม (Surgical Face Lifting)
เป็นวิธีที่ช่วยให้ผิวหน้ากระชับขึ้นอย่างถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับรุนแรง
- โปรแกรม Full Facelift – ศัลยกรรมยกกระชับทั้งใบหน้าและลำคอ
- โปรแกรม Mini Facelift – ยกกระชับเฉพาะบริเวณกรอบหน้าหรือใต้ลำคอ
- โปรแกรม Mid Facelift – เน้นกระชับช่วงกลางใบหน้า เช่น โหนกแก้ม
- โปรแกรม Neck Lift – เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ
- โปรแกรม Endoscopic Facelift – ใช้กล้องช่วยในการผ่าตัด เพื่อลดรอยแผล
วิธีเลือกวิธีการยกกระชับที่เหมาะกับคุณ
การเลือกวิธีการยกกระชับใบหน้าที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากระดับความหย่อนคล้อยของผิว รวมถึงความต้องการของแต่ละบุคคล หากคุณยังไม่แน่ใจว่าวิธีไหนเหมาะกับคุณ ลองพิจารณาจากระดับของปัญหาผิว ดังต่อไปนี้
- ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย ควรเลือก โปรแกรม HIFU, โปรแกรม Oligio หรือ โปรแกรมฉีดโบ
เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มสังเกตเห็นสัญญาณแห่งวัย เช่น ผิวไม่กระชับเล็กน้อย กรอบหน้าเริ่มไม่คมชัด หรือมีริ้วรอยบางจุด การใช้ HIFU หรือ Oligio จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวกลับมากระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ หรือหากต้องการลดริ้วรอยเฉพาะจุด การฉีดโบท็อกซ์ จะช่วยให้ใบหน้าดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น
- ผิวหย่อนคล้อยปานกลาง ควรเลือก โปรแกรม Ulthera, โปรแกรม Thermage FLX หรือ โปรแกรมร้อยไหม
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และเริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยชัดขึ้น เช่น ร่องแก้มลึก ผิวบริเวณแก้มและกรอบหน้าดูหย่อนลง Ulthera หรือ Thermage จะช่วยยกกระชับใบหน้าจากชั้นผิวลึก และกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ส่วน การร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยกกระชับใบหน้าในทันที
- ผิวหย่อนคล้อยมาก ควรเลือก โปรแกรมศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างรุนแรง กรอบหน้าไม่ชัด ผิวใต้คางและลำคอเริ่มหย่อนลงจนเห็นได้ชัด ซึ่งมักเกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป วิธีที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดคือ การศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า (Facelift) ที่สามารถช่วยดึงผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงกระชับ และอยู่ได้นาน 5-10 ปี
เทคนิคดูแลผิวหลังยกกระชับใบหน้า ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานที่สุด
หลังจากทำการยกกระชับใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นด้วยเทคโนโลยี ความงามทางการแพทย์ หรือศัลยกรรม การดูแลผิวอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น และช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น โดยสามารถปฏิบัติตามแนวทาง ต่อไปนี้
- ทาครีมกันแดดทุกวัน
แสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอลลาเจนในผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ และเลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ เพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB ที่อาจทำให้ผิวคล้ำเสียและเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว
น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวเร็วขึ้น ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำให้ผิวขาดน้ำและดูหมองคล้ำ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
หลังจากทำหัตถการ ผิวจะบอบบางและไวต่อแสงมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรง และหากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ควรใส่หมวกปีกกว้างหรือกางร่ม เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี
- งดนวดหน้าแรง ๆ หรือขัดผิว หลังทำหัตถการ
การกดหรือนวดหน้าที่รุนแรง อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบหรือส่งผลต่อผลลัพธ์ของการยกกระชับ แนะนำให้ล้างหน้าเบา ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการใช้สครับหรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน
การบำรุงผิวเป็นสิ่งสำคัญหลังการยกกระชับ ควรเลือกใช้เซรั่มหรือครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid), วิตามินซี และเปปไทด์ (Peptides) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และทำให้ผิวแข็งแรง กระชับมากขึ้น
- นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
การพักผ่อนที่ดีช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า เพราะอาจทำให้เกิดแรงกดทับบริเวณใบหน้า ควรนอนหงายและใช้หมอนสูงเล็กน้อยเพื่อลดอาการบวม
- งดออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 1-2 วันแรก
กิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการบวม ควรรอให้ผิวฟื้นตัวก่อนจึงค่อยกลับไปออกกำลังกายตามปกติ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
บุหรี่และแอลกอฮอล์เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คอลลาเจนในผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และทำให้ผิวกลับมาหย่อนคล้อยได้เร็วกว่าปกติ หากต้องการให้ผลลัพธ์ของการยกกระชับใบหน้าอยู่ได้นาน ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้
- ติดตามผลและเข้าพบแพทย์ตามนัดหมาย
หลังจากทำหัตถการยกกระชับใบหน้า ควรกลับไปพบแพทย์ตามกำหนด เพื่อตรวจเช็กผลลัพธ์ และดูแลผิวให้ได้รับการฟื้นฟูอย่างเหมาะสม หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวบวมมากผิดปกติ มีรอยแดง หรืออาการเจ็บที่ไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
แต่ละวิธีการยกกระชับใบหน้ามีข้อดีที่แตกต่างกัน หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้น ควรเลือก โปรแกรม HIFU, โปรแกรม Thermage FLX , โปรแกรม Ulthera หรือโปรแกรมร้อยไหม แต่หากต้องการ ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานขึ้น อาจพิจารณาโปรแกรมฟิลเลอร์หรือโปรแกรมฉีดไขมันตัวเอง สำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากและต้องการผลลัพธ์ถาวร ศัลยกรรมยกกระชับใบหน้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด















