10 วิธีรักษาฝ้า เผยผิวหน้าเรียบเนียน
10 วิธีรักษาฝ้า เผยผิวหน้าเรียบเนียน
ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ฝ้าอาจทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำและส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองได้ สำหรับใครที่เคยสงสัยว่าทำไมผิวถึงมีจุดด่างดำหรือรอยคล้ำขึ้นมา เรื่องนี้ก็เกิดจากการที่เม็ดสีเมลานินในผิวทำงานมากเกินไป นั่นเอง ในบทความนี้เราจะมาพูดคุยกันอย่างสบายๆ เกี่ยวกับฝ้า ตั้งแต่ “ฝ้า” คืออะไร สาเหตุที่ทำให้เกิด ฝ้าแบ่งเป็นกี่ประเภท วิธีดูแลและแนวทางการรักษาที่ทำให้ผิวกลับมาสดใสได้อีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากนัก และแน่นอนว่าเราจะมีเทคนิค รักษาฝ้า ที่ช่วยให้คุณฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฝ้า คืออะไร?
ฝ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ Melasma คือภาวะที่ผิวเกิดจุดด่างดำหรือรอยสีน้ำตาลอมเทาเกิดขึ้นจากการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป โดยส่วนใหญ่ฝ้าจะเกิดขึ้นบริเวณที่โดนแสงแดดมาก เช่น แก้ม หน้าผาก หรือเหนือริมฝีปาก ทำให้ใบหน้าดูไม่สม่ำเสมอและอาจส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองได้ แนวทาง รักษาฝ้า จึงเป็นสิ่งที่หลายคนหันมาให้ความสนใจ
สาเหตุของการเกิดฝ้า
สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้ามีหลายประการ หนึ่งในปัจจัยหลักคือแสงแดด รังสี UV ทั้ง UVA และ UVB จะกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินในผิวให้ทำงานหนักขึ้น อีกทั้งฮอร์โมนก็มีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์หรือผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิด ซึ่งฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงจะกระตุ้นให้ผิวผลิตเม็ดสีมากขึ้น นอกจากนี้การระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงหรือการขัดถูผิวแรง รวมไปถึงมลภาวะในอากาศและอายุที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้ เมื่อรู้สาเหตุเหล่านี้แล้ว แนวทาง รักษาฝ้า จึงควรมุ่งเน้นไปที่การลดการกระตุ้นให้เม็ดสีทำงานเกินความจำเป็น
อ่านเพิ่มเติม https://www.romrawin.com/how-to-treat-melasma/
ปัจจัยเสี่ยงและบริเวณที่เกิดฝ้า
ฝ้าสามารถเกิดได้ในหลายบริเวณของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแสงแดดเป็นประจำ เช่น ใบหน้า ลำคอ แขน อก และบ่า เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้มักถูกสัมผัสกับแสงแดดแรงๆ อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนั้น คนที่มีผิวไวต่อแสงและมีประวัติครอบครัวที่มีปัญหาฝ้าก็มีความเสี่ยงสูงขึ้นเช่นกัน สิ่งเหล่านี้บอกให้เรารู้ว่าการป้องกันฝ้าและการเลือกวิธี รักษาฝ้า ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ชนิดของฝ้าและลักษณะเฉพาะ
ฝ้ามีอยู่ 3 ชนิดหลัก
- ฝ้าแบบตื้น (Epidermal Melasma)
ฝ้าแบบนี้เกิดอยู่ในชั้นผิวส่วนบน สีจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ขอบชัดเจน และมักตอบสนองต่อการรักษาด้วยครีมหรือเลเซอร์ได้ดี - ฝ้าแบบลึก (Dermal Melasma)
ฝ้าแบบลึกเกิดในชั้นหนังแท้ สีมักจะเป็นสีน้ำตาลอมเทาหรือสีเทา ขอบไม่ชัดเจน ทำให้การรักษาใช้เวลานานและยากขึ้น - ฝ้าแบบผสม (Mixed Melasma)
เป็นการผสมผสานระหว่างฝ้าแบบตื้นและลึก ทำให้ลักษณะของฝ้ามีทั้งขอบที่ชัดและไม่ชัด ซึ่งต้องใช้วิธี รักษาฝ้า หลายวิธีร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ทำไมต้องรักษาฝ้า ?
การมีฝ้าบนใบหน้านอกจากจะทำให้ผิวดูหมองคล้ำแล้ว ยังอาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง การดูแลและ รักษาฝ้า จึงไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวกับสุขภาพผิวในระยะยาวด้วย เมื่อฝ้าถูกปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอและเพิ่มโอกาสในการเกิดริ้วรอยเร็วขึ้น
- การ รักษาฝ้า ช่วยให้ผิวดูสว่างขึ้นและเรียบเนียนขึ้น
- ป้องกันไม่ให้ฝ้าเข้มขึ้นหรือลุกลาม
- รักษาสุขภาพผิวและช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผิว
ดังนั้นสำหรับหลายๆ คน แนวทาง รักษาฝ้า จึงเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูความมั่นใจและความสดใสของใบหน้า
10 วิธีการดูแลและรักษาฝ้าที่ได้ผล
ในยุคปัจจุบันมีวิธีการ รักษาฝ้า มากมายให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของฝ้า เรามาดูกันว่าแต่ละวิธีกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง
- การทาครีมลดฝ้า
การใช้ครีมที่มีส่วนผสมช่วยลดเม็ดสีและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก เพราะสามารถทำเองได้ที่บ้าน หากใช้ถูกวิธีและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ก็จะได้ผลที่ดี แนวทาง รักษาฝ้า ด้วยครีมช่วยลดความเข้มของฝ้าได้ทีละน้อยและค่อยๆ ฟื้นฟูความกระจ่างใสของผิว - การเลเซอร์รักษาฝ้า
ปัจจุบันเทคโนโลยีเลเซอร์ เช่น Pico Laser หรือ IPL สามารถทำลายเม็ดสีที่ทำให้เกิดฝ้าได้อย่างแม่นยำ การ รักษาฝ้า ด้วยเลเซอร์ช่วยให้เห็นผลเร็วและเหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้าลึกหรือฝ้าแบบผสม แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย - การฉีดสารลดเม็ดสี
การฉีดสารเพื่อลดการผลิตเม็ดสีในผิวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับการ รักษาฝ้า โดยสามารถช่วยลดความเข้มของฝ้าและปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ ผลการรักษามักเห็นผลภายในเวลาอันสั้น แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังในผู้ที่มีผิวบอบบาง - การใช้ IPL (Intense Pulsed Light)
IPL เป็นการใช้คลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเพื่อดูดซึมเม็ดสีในผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ การ รักษาฝ้า ด้วย IPL เหมาะสำหรับฝ้าในชั้นผิวตื้นและสามารถใช้เป็นการบำรุงผิวควบคู่ไปกับวิธีอื่นๆ - การใช้กรดผลไม้ (AHA/BHA)
กรดผลไม้ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป ส่งเสริมการเกิดเซลล์ใหม่ที่มีความกระจ่างใส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทาง รักษาฝ้า ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้าแบบตื้น แต่ควรใช้อย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง - การทำ Chemical Peeling
การใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อผลัดผิวออกไปช่วยลดฝ้าและรอยดำที่เกิดขึ้นบนใบหน้า เป็นวิธี รักษาฝ้า ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้าลึกและต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพราะมีความเสี่ยงต่อการระคายเคืองสูง - การใช้ยาทาฝ้า
ยาที่ออกฤทธิ์ลดเม็ดสีสามารถช่วยปรับสีผิวให้เรียบเนียนและลดฝ้าได้ วิธี รักษาฝ้า ด้วยยานี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงได้ - การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ
ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการกลับมาเกิดของฝ้า เนื่องจากรังสี UV เป็นสาเหตุหลักของการกระตุ้นเม็ดสีในผิว แนวทาง รักษาฝ้า จึงไม่สมบูรณ์หากไม่ทาครีมกันแดดทุกวัน - การทำ Phonophoresis
เทคนิคนี้ใช้คลื่นเสียงช่วยให้สารบำรุงซึมลึกเข้าผิวได้ดีขึ้น เป็นอีกหนึ่งวิธี รักษาฝ้า ที่ช่วยให้สารลดเม็ดสีเข้าถึงชั้นผิวที่ลึกกว่า วิธีนี้ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด - การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม
การเลือกใช้เซรั่มหรือมอยเจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมลดเม็ดสีและบำรุงผิวสามารถช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอและลดฝ้าได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นอีกวิธีหนึ่งในกระบวนการ รักษาฝ้า ที่สามารถทำร่วมกับวิธีอื่นได้
ทำไมบางครั้งถึง “รักษาฝ้า” แล้วไม่หายสักที?
แม้ว่าจะมีหลายวิธีที่เราได้กล่าวถึงไปแล้ว แต่บางครั้งการ รักษาฝ้า ก็อาจไม่เห็นผลชัดเจน เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามามีบทบาทร่วมกัน เช่น
- หากยังคงได้รับแสงแดดโดยตรงโดยไม่ทาครีมกันแดด ผลการ รักษาฝ้า ก็อาจกลับมาใหม่
- ฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เช่น ในช่วงตั้งครรภ์หรือใช้ยาคุมกำเนิด อาจทำให้แม้จะ รักษาฝ้า แล้วก็ยังคงมีโอกาสกลับมาเกิดซ้ำ
- การเลือกวิธี รักษาฝ้า ที่ไม่เหมาะสมกับชนิดของฝ้าอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร
- และสุดท้าย หากไม่ดูแลผิวอย่างต่อเนื่องหลังการ รักษาฝ้า ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจไม่ยั่งยืน
เคล็ดลับการป้องกันฝ้าและดูแลผิวให้สวยต่อเนื่อง
การป้องกันฝ้าคืออีกขั้นตอนสำคัญที่ควรทำควบคู่กับการ รักษาฝ้า เพื่อให้ผลการดูแลผิวมีความยั่งยืน
- ทาครีมกันแดด: ควรทาครีมกันแดดทุกวัน แม้ในวันที่อากาศครึ้ม เพราะรังสี UV เป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นเม็ดสี
- ดูแลความชุ่มชื้น: รักษาความชุ่มชื้นของผิวด้วยการใช้มอยเจอไรเซอร์ เซรั่ม หรือมาสก์เป็นประจำ เพื่อให้ผิวแข็งแรงและลดโอกาสเกิดฝ้า
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ระคายเคือง: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวของตนเอง เพื่อลดการระคายเคืองซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด: พยายามอยู่ในที่ร่มหรือสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิวเมื่อออกไปข้างนอกในช่วงเวลาที่รังสี UV แรง
- การดูแลผิวหลังการ รักษาฝ้า ควรดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอหลังจากการ รักษาฝ้า โดยทำความสะอาดและบำรุงผิวอย่างเหมาะสม

















