10 วิธีรักษารอยสิวบนใบหน้า ปรับผิวให้สวย กระจ่างใส
10 วิธีรักษารอยสิวบนใบหน้า ปรับผิวให้สวย กระจ่างใส
รอยแดงจากสิวเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่ทำให้สาว ๆ หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ แม้ว่ารอยเหล่านี้อาจจะไม่ได้โดดเด่นจนต้องจ้องมองทุกครั้ง แต่เมื่อรวมกันแล้วก็ทำให้ใบหน้าดูไม่เรียบและโทรม การที่รอยแดง รอยดำ และหลุมสิวเกิดขึ้นนั้นมักเกิดจากการอักเสบของสิวและการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เช่น การแกะสิวหรือบีบสิว ซึ่งจะทำให้ผิวได้รับความเสียหายและเกิดรอยแผลที่ค่อย ๆ กลายเป็นรอยสิวได้
เพื่อให้ผิวกลับมาดูดีและเรียบเนียนอีกครั้ง จึงมีวิธีการหลากหลายในการ รักษารอยสิว ซึ่งบทความนี้จะนำเสนอ 10 วิธีที่แพทย์แนะนำในการลดรอยแดง รอยดำ และหลุมสิวบนใบหน้า พร้อมทั้งคำแนะนำในการดูแลผิวเพื่อป้องกันไม่ให้รอยสิวกลับมาอีก
สาเหตุของการเกิดรอยสิว
รอยสิวที่ปรากฏบนใบหน้าแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
- รอยแดงจากสิว (Post–Inflammatory Erythema):
รอยแดงจากสิวเกิดจากการอักเสบของผิว เมื่อสิวเกิดอักเสบ ร่างกายจะลำเลียงเลือดเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดรอยสีแดงหรือชมพูขึ้นบริเวณที่สิวหายไป การดูแลและการ รักษารอยสิว ในส่วนนี้จะเน้นการลดการอักเสบและช่วยให้หลอดเลือดในบริเวณนั้นกลับมาปกติ - รอยดำจากสิว (Post–Inflammatory Hyperpigmentation):
เมื่อผิวได้รับการอักเสบและถูกกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีมากขึ้น จะทำให้เกิดรอยดำหรือน้ำตาลที่บริเวณที่สิวเคยอักเสบ รอยดำจากสิวมักเกิดในชั้นผิวหนังแท้และมักใช้เวลานานในการ รักษารอยสิว เนื่องจากต้องใช้วิธีการที่สามารถลดเม็ดสีได้อย่างตรงจุด - รอยหลุมสิว (Atrophic Scars):
รอยหลุมสิวเกิดจากการที่ผิวฟื้นฟูไม่สามารถสร้างคอลลาเจนได้เพียงพอหลังจากการอักเสบ ทำให้เกิดเป็นหลุมบนผิว รอยหลุมสิวเหล่านี้เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและต้องการการ รักษารอยสิว ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้กลับมารวมตัวกัน
10 วิธีรักษารอยสิวบนใบหน้า
เพื่อให้รอยสิวทั้งรอยแดง รอยดำ และหลุมสิวจางลงและกลับมาดูเรียบเนียน มีวิธีการรักษารอยสิว ที่ได้รับการแนะนำจากแพทย์มากมาย ดังนี้
1. ยาลดรอยแดงและรอยดำจากสิว
การใช้ยาทาผิวที่มีส่วนผสมช่วยลดการผลิตเม็ดสีและผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพเป็นวิธีพื้นฐานในการรักษารอยสิวยาที่แพทย์มักสั่งจ่ายเช่น
- Hydroquinone: มีคุณสมบัติในการลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน
- Tretinoin: ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรอยดำจากสิว
- ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของวิตามินซี, อาบูร์ติน, Niacinamide และกรดไกลโคลิค ซึ่งช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและลดรอยสิว
2. เลเซอร์ลดรอยสิว
การใช้เลเซอร์ในการรักษารอยสิว เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเนื่องจากผลลัพธ์ที่เห็นได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง เลเซอร์ชนิดต่าง ๆ เช่น Pico Laser, Dual Yellow Laser, Q-Switch Laser และเลเซอร์หน้าใสช่วยทำลายเม็ดสีที่ทำให้เกิดรอยสิวและกระตุ้นให้ผิวฟื้นฟู
3. ฉีดเมโสเพื่อ รักษารอยสิว
เมโสหน้าใสเป็นหัตถการที่ช่วยฉีดวิตามินและสารบำรุงผิวเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อลดรอยสิวและเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ การฉีดเมโสสามารถช่วยรักษารอยสิว โดยการลดการอักเสบและฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูสดใส
4. IPL (Intense Pulse Light)
IPL หรือแสงพัลส์เข้มข้น เป็นอีกวิธีหนึ่งในการรักษารอยสิวที่ใช้แสงเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเม็ดสีที่ทำให้เกิดรอยสิว โดยวิธีนี้เหมาะสำหรับการลดรอยแดงและรอยดำจากสิว
5. HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound)
HIFU ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึกของผิว ช่วยให้ผิวกลับมาฟื้นฟูและลดรอยหลุมสิว HIFU เป็นวิธีที่ช่วยรักษารอยสิว โดยเฉพาะในส่วนของการฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากสิว
6. ผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peeling)
การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีช่วยลอกผิวเก่าที่มีรอยสิวออกไปและกระตุ้นให้ผิวสร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการรักษารอยสิว เพราะช่วยลดรอยแดงและรอยดำจากสิวได้อย่างเห็นผล
7. Pico Laser
Pico Laser เป็นเลเซอร์ที่ใช้พลังงานความถี่สูงและช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิวได้อย่างรวดเร็ว Pico Laser ช่วยในการรักษารอยสิว โดยการทำลายเม็ดสีและกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่
8. Rejuran Healing
รีจูรัน (Rejuran) เป็นหัตถการที่ใช้สารโพลีนิวคลีโอไทด์จาก DNA ของปลาแซลมอนในการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว ช่วยลดรอยสิวและหลุมสิว ให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษารอยสิว
9. Skin Booster
การฉีด Skin Booster หรือวิตามินบำรุงผิวช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น พร้อมลดรอยแดง รอยดำจากสิวและริ้วรอยต่าง ๆ เป็นวิธีที่ใช้ในการรักษารอยสิว ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถฟื้นฟูผิวได้อย่างรวดเร็ว
10. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
สำหรับกรณีที่รอยสิวเกิดขึ้นอย่างรุนแรงหรือมีสิวเรื้อรัง การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและเลือกรูปแบบการรักษารอยสิว ที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ทั้งนี้ยังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษาผิวและการป้องกันไม่ให้รอยสิวกลับมาอีกในอนาคต
เคล็ดลับในการดูแลผิวเพื่อป้องกันรอยสิว
นอกจากการเลือกวิธีการรักษารอยสิวที่ได้ผลแล้ว การดูแลผิวเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อป้องกันไม่ให้รอยสิวกลับมาอีก คุณควรปฏิบัติตามเคล็ดลับดังนี้
- งดแกะเกาสิว
อย่าบีบหรือแกะสิวด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้ผิวได้รับความเสียหายและกระตุ้นให้เกิดรอยสิวมากขึ้น วิธีนี้เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ช่วยรักษารอยสิวให้ดีขึ้น
- ใช้สกินแคร์ที่เหมาะสม
ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ปราศจากน้ำมันและเหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง เพื่อช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและป้องกันไม่ให้รอยสิวกลับมา
การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเช่นวิตามินซี, Niacinamide และกรดไกลโคลิคจะช่วยรักษารอยสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทาครีมกันแดดทุกวัน
รังสี UV เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยดำจากสิว เพราะมันกระตุ้นให้ผิวผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น ดังนั้นควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้รอยสิวกลับมา
นี่คือวิธีที่ช่วยรักษารอยสิวและป้องกันการเกิดรอยดำจากสิวในระยะยาว
- ดูแลสุขภาพโดยรวม
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะสุขภาพที่ดีภายในจะสะท้อนออกมาผ่านผิว การรักษารอยสิวไม่เพียงแต่เกิดจากการดูแลภายนอกเท่านั้น แต่ยังต้องดูแลจากภายในให้ร่างกายมีความสมดุล
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีรุนแรงอาจทำให้ผิวระคายเคืองและกระตุ้นให้รอยสิวกลับมา
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับสภาพผิวจะช่วยรักษารอยสิวได้ดียิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษารอยสิว
ถาม: รอยแดงจากสิวจะหายเองได้ไหม ?
ตอบ: ในบางกรณีรอยแดงจากสิวอาจหายเองได้ แต่กระบวนการฟื้นฟูผิวอาจใช้เวลานาน หากต้องการให้รอยแดงจางลงเร็วขึ้น การรักษารอยสิวด้วยวิธีที่ได้ผลเช่นเลเซอร์หรือการใช้ยาทาที่แพทย์สั่งจ่ายจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ถาม: ต้องทำการรักษารอยสิวกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์?
ตอบ: โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์ที่ดีจากการรักษารอยสิว ด้วยเลเซอร์หรือผลัดเซลล์ผิวจะเห็นผลชัดหลังจากทำประมาณ 2-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ถาม: ผลข้างเคียงจากการรักษารอยสิว มีอะไรบ้าง?
ตอบ: ผลข้างเคียงอาจมีอาการระคายเคือง ผิวแดง ตกสะเก็ด หรืออาการบวมเล็กน้อย ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 1-3 สัปดาห์ หากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลผิวอย่างถูกต้อง
ถาม: วิธีการรักษารอยสิว ใดที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วที่สุด?
ตอบ: หลายคนเลือกใช้เลเซอร์ลดรอยสิวและ IPL เนื่องจากสามารถรักษารอยสิวได้โดยตรงและเห็นผลในระยะเวลาสั้น แต่การเลือกวิธีขึ้นอยู่กับสภาพผิวและคำแนะนำของแพทย์

















