Oligio VS Thermage FLX เทคโนโลยียกกระชับผิวแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ?
Oligio VS Thermage FLX เทคโนโลยียกกระชับผิวแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ?
เมื่อพูดถึงการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด ชื่อของ Oligio และ Thermage FLX มักเป็นสองตัวเลือกที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ทั้งสองเทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ที่ต้องการยกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าให้คมชัด และลดเลือนริ้วรอยโดยไม่ต้องพักฟื้น แต่เครื่องไหนจะตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด?
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่าง จุดเด่น และผลลัพธ์ของแต่ละเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
Oligio คืออะไร และทำงานอย่างไร?
Oligio เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง 6.78 MHz ส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวลึกประมาณ 3 มิลลิเมตร ครอบคลุมทั้งชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) เพื่อกระตุ้นการสร้างและจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น เรียบเนียน และกระชับขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดไขมันสะสมใต้ชั้นผิว ช่วยให้กรอบหน้าดูเรียวอย่างเป็นธรรมชาติ
Oligio มาพร้อมกับ 3 โหมดการทำงาน ได้แก่ โหมดเดี่ยว, โหมดคู่ และโหมดอัตโนมัติ เพื่อปรับให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ ยังมีระบบ Real-Time Temperature Monitoring ที่สามารถตรวจวัดอุณหภูมิผิวแบบเรียลไทม์ หากอุณหภูมิสูงเกิน 43 องศาเซลเซียส เครื่องจะหยุดทำงานอัตโนมัติเพื่อป้องกันความร้อนสะสมและลดความเสี่ยงต่อการเกิดผิวไหม้
อีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญของ Oligio คือ Pressure Sensing ซึ่งช่วยตรวจจับแรงกดระหว่างหัวทิปและผิวหนัง เพื่อควบคุมแรงสัมผัสให้เหมาะสม ลดความเสี่ยงของการเกิดรอยแดงหรืออาการระคายเคือง ทำให้การรักษามีความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
จุดเด่นของ Oligio
- Oligio เจ็บน้อยกว่า ด้วย ระบบปล่อยความเย็น Cyrogen Gas ที่ช่วยลดอาการแสบร้อน
- Oligio ใช้เวลาทำสั้น เพียง 20-30 นาที ต่อครั้ง
- Oligio กระตุ้นคอลลาเจนและ ลดไขมันสะสม ไปพร้อมกัน
- Oligio เหมาะกับทุกสภาพผิว และสามารถทำได้หลายบริเวณ เช่น กรอบหน้า แก้ม เหนียง รอบดวงตา และลำคอ
- Oligio เห็นผลหลังทำทันทีประมาณ 20-30% และเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
- Oligio ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
Thermage FLX คืออะไร และทำงานอย่างไร?
Thermage FLX เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ช่วยปรับรูปหน้าและสัดส่วนโดยใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดี่ยว (Monopolar RF) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดไขมันใต้ผิวหนัง กระชับใบหน้า และลดเลือนริ้วรอย เทคโนโลยีนี้ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (US FDA) ว่าสามารถช่วยฟื้นฟูผิวและลดสัญญาณแห่งวัยได้อย่างปลอดภัย
หลักการทำงานของ Thermage FLX
- พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF)
Thermage FLX ปล่อยพลังงานลงลึกสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous) เพื่อช่วยกระชับเส้นใยคอลลาเจนที่หย่อนคล้อย ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงและตึงกระชับขึ้น
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
พลังงานความร้อนที่ส่งผ่านเข้าไปใต้ผิวจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
- ระบบทำความเย็น Thermage Cool
หัวทิปของเครื่องมีระบบทำความเย็นในตัว ซึ่งช่วยปกป้องผิวชั้นบนจากความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการรักษา ระบบนี้จะปล่อยความเย็นก่อนและหลังการส่งพลังงาน เพื่อให้พลังงานความร้อนโฟกัสไปที่ชั้นผิวลึกโดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก
- Vibratory Handpiece – ลดความรู้สึกไม่สบาย
เครื่องมือนี้สามารถตั้งค่าให้มีแรงสั่นสะเทือนได้ เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บในระหว่างการรักษา ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสบายขึ้นขณะทำหัตถการ
- เทคโนโลยี AccuREP™ – ปรับพลังงานอัตโนมัติ
ระบบ AccuREP™ สามารถวิเคราะห์ค่าความต้านทานของผิว (Impedance) และปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลแบบเรียลไทม์ในทุกช็อต ทำให้การรักษามีความแม่นยำ ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
จุดเด่นของ Thermage FLX
- Thermage FLX ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี จากการทำเพียงครั้งเดียว
- Thermage FLX ช่วยกระชับผิวทุกชั้น รวมถึง ลดเลือนริ้วรอย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Thermage FLX สามารถทำได้ หลายจุดบนร่างกาย ไม่ใช่แค่ใบหน้าและลำคอ แต่ยังรวมถึง แขน หน้าท้อง และต้นขา
- Thermage FLX เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 20% และเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
- Thermage FLX ไม่มีแผล ไม่มีรอยแดง และไม่ต้องพักฟื้น
ความแตกต่างระหว่าง Oligio VS Thermage FLX เลือกโปรแกรมไหนที่เหมาะกับคุณ?
เปรียบเทียบ Oligio กับ Thermage FLX
- Oligio – ตอบโจทย์คนที่กลัวความเจ็บมากกว่า
แม้ว่าทั้ง Oligio และ Thermage FLX จะช่วยยกกระชับผิวได้ดี แต่ Oligio มี Cooling System ที่ช่วยลดความรู้สึกเจ็บระหว่างทำหัตถการได้ดีกว่า ด้วยระบบ Cyrogen Gas ที่ช่วยทำให้ผิวเย็นขณะทำ ลดโอกาสการเกิดผิวไหม้ และให้ความรู้สึกสบายมากขึ้น ในขณะที่ Thermage FLX มีระบบปล่อยความเย็นเช่นกัน แต่เน้นแค่ช่วยลดอาการแสบร้อนเท่านั้น ทำให้การบรรเทาความเจ็บระหว่างทำอาจไม่ดีเท่า Oligio
- Oligio ใช้เวลาทำหัตถการรวดเร็วกว่า
Thermage FLX ใช้เวลาในการทำประมาณ 45-60 นาที ในขณะที่ Oligio ใช้เวลาน้อยกว่าเพียง 20-30 นาที ซึ่งถือว่าต่างกันพอสมควร ดังนั้น หากคุณมีเวลาจำกัดและต้องการทำหัตถการที่ใช้เวลาสั้นกว่า Oligio จะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า
- Oligio มีหัวทิปอัจฉริยะและโหมดปรับได้ถึง 3 ระดับ
อีกหนึ่งข้อแตกต่างสำคัญคือ Oligio มาพร้อมกับ เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิ ซึ่งจะหยุดการทำงานอัตโนมัติหากอุณหภูมิสูงเกินไป เพื่อป้องกันการเบิร์นผิว และยังสามารถปรับระดับการทำงานได้ถึง 3 โหมด ได้แก่
- โหมดเดี่ยว – เน้นการปล่อยพลังงานเฉพาะจุด
- โหมดคู่ – เพิ่มประสิทธิภาพในการกระชับผิว
- โหมดอัตโนมัติ – ปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละบริเวณ
คุณสมบัตินี้ช่วยให้พลังงานถูกกระจายสม่ำเสมอ ลดความเสี่ยงของการเกิดรอยแดงหรือความร้อนสะสม ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Oligio มีประสิทธิภาพในการยกกระชับโดยลดความเจ็บปวดและโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
สรุป Oligio หรือ Thermage FLX ดีกว่ากัน?
การเลือกโปรแกรมยกกระชับที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ สภาพผิว และ ความต้องการของแต่ละบุคคล โดยทั้ง Oligio และ Thermage FLX มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้
- Oligio เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ยกกระชับผิวโดยรู้สึกสบายขณะทำ กลัวความเจ็บปวด และต้องการใช้เวลาทำหัตถการที่สั้นกว่า นอกจากนี้ ระบบทำความเย็นของ Oligio ยังช่วยลดความเสี่ยงของผิวไหม้ และเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับผิวแบบอ่อนโยนแต่เห็นผลลัพธ์ได้จริง
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ผลลัพธ์ที่ลงลึกถึงชั้นไขมันและชั้นผิวหนังแท้ เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยปานกลาง และต้องการความตึงกระชับที่ชัดเจนขึ้น แม้จะมีความรู้สึกระหว่างทำบ้าง แต่ก็สามารถอดทนได้ และมาพร้อมกับระบบ AccuREP™ ที่ช่วยปรับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิว
หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกโปรแกรมไหน สามารถปรึกษาทีมแพทย์ได้ฟรี เพื่อรับคำแนะนำที่ตรงกับสภาพผิวและความต้องการของคุณมากที่สุด มั่นใจได้ว่าทุกการรักษาจะดำเนินไปอย่างปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ






















