หมอกและฝุ่น PM2.5 : ความคล้ายคลึงที่แตกต่างกันนะ สองสิ่งนี้ แตกต่างกันอย่างไร แวะเข้ามาดูกันได้เลยจ้า
เมื่อยามเช้าที่อากาศเย็นสบาย เรามักได้เห็นภาพของหมอกบางๆ ลอยตัวเหนือพื้นดิน คล้ายกับผ้าคลุมบางเบาที่ปกคลุมธรรมชาติไว้อย่างนุ่มนวล หมอกนั้นเกิดจากไอน้ำในอากาศที่ควบแน่นกลายเป็นละอองน้ำเล็กๆ ลอยตัวอยู่ใกล้ผิวโลก มันคือเมฆที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด จนบางครั้งเราอาจรู้สึกเหมือนได้เดินท่ามกลางเมฆ แต่หากไอน้ำเหล่านั้นลอยขึ้นสูงไปกว่านั้น มันก็จะกลายเป็นเมฆก้อนใหญ่ที่เราเห็นบนฟ้า
แต่ในบรรยากาศของเรา ไม่เพียงมีหมอกที่ให้ความรู้สึกเย็นชื้นและสดชื่นเท่านั้น ยังมีสิ่งที่คล้ายคลึงกันแต่แฝงไปด้วยอันตราย นั่นคือ ฝุ่น PM2.5 ฝุ่นชนิดนี้มีขนาดเล็กมากเพียง 2.5 ไมครอน หรือเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ถึง 20 เท่า มันเกิดจากการเผาไหม้ต่างๆ ไม่ว่าจะจากท่อไอเสียรถยนต์ การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ไฟป่า หรือแม้แต่กระบวนการอุตสาหกรรม ที่น่ากลัวคือขนาดที่เล็กมากนี้ทำให้มันสามารถเล็ดลอดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราได้อย่างง่ายดาย จนไปถึงถุงลมในปอด ส่งผลให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ หรือโรคหอบหืด
แม้เราจะมองเห็นหมอกและฝุ่น PM2.5 ในลักษณะคล้ายกัน คือเป็นชั้นควันหรือหมอกบางๆ ที่ลอยตัวอยู่เหนือพื้นดิน แต่ความรู้สึกเมื่อสัมผัสกับทั้งสองสิ่งนี้กลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน หมอกให้ความรู้สึกเย็นชื้น บางครั้งอาจรู้สึกได้ถึงหยดน้ำเล็กๆ บนผิวหนัง หรือแม้แต่บนเส้นผม แต่ถ้าเป็นฝุ่น PM2.5 เมื่อเราสูดอากาศเข้าไปสักพัก จะรู้สึกคันคอ แสบคอ หายใจไม่สะดวก บางคนอาจรู้สึกหิวน้ำเพราะคอแห้ง
ที่น่ากังวลคือ เรามักไม่สามารถแยกแยะได้ด้วยตาเปล่าว่าสิ่งที่เห็นคือหมอกหรือฝุ่น PM2.5 ดังนั้น การติดตามค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) จึงเป็นสิ่งสำคัญ หากค่า AQI สูงเกิน 100 แสดงว่าอากาศอยู่ในระดับที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การสวมหน้ากากอนามัยจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย
หมอกและฝุ่น PM2.5 อาจดูคล้ายกันในสายตา แต่หนึ่งให้ความรู้สึกเย็นชื้นและสดชื่น ส่วนอีกหนึ่งแฝงไปด้วยอันตรายที่มองไม่เห็น
















