หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

สิ่งที่หลายๆคนไม่เคยรู้เกี่ยวกับศพในวันดีเดย์ (D-Day)

แปลโดย aurnit

ความสูญเสียและราคาที่แท้จริงของการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี

🪖 วันดีเดย์ (D-Day) หรือวันที่ 6 มิถุนายน 1944 คือวันสำคัญที่พันธมิตรยกพลขึ้นบกในฝรั่งเศสเพื่อต่อสู้กับนาซีเยอรมัน เป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เบื้องหลังชัยชนะนั้นกลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้าจากชีวิตนับพันที่สูญเสียไป ทั้งฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายนาซีเยอรมัน

แบบที่เราเห็นกันในหนัง ในวันนั้น ชายฝั่งนอร์มังดีเต็มไปด้วยศพนักรบผู้กล้า หลายร้อยร่างเปลือยกาย นอนเรียงรายตามชายฝั่ง 🌊 นี่ไม่ใช่เรื่องราวเชิงสถิติในตำราเรียน แต่คือโศกนาฏกรรมที่แท้จริงของมนุษย์ที่ต้องเจ็บปวดจากความรุนแรงของสงคราม

มรดกที่น่าสลดของชายฝั่งนอร์มังดี

ดีเดย์ถือเป็นการรุกรานทางทะเลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง  กำลังพลกว่า 150,000 นายจากอเมริกา อังกฤษ และแคนาดา เข้าจู่โจมกองกำลังเยอรมันในฝรั่งเศส

แต่ชัยชนะครั้งนี้ทิ้งร่องรอยแห่งความสูญเสียไว้เบื้องหลัง:

🎖️ ประสบการณ์จากเรื่องเล่าของชาวบ้าน


ผู้คนในพื้นที่เล่าว่า หลังการต่อสู้ ชายฝั่งเต็มไปด้วยข้าวของของทหาร เช่น หมวก รองเท้า และเศษซากจากร่างที่แหลกสลาย บางส่วนถูกพัดพาขึ้นฝั่งพร้อมกับน้ำทะเล

การจัดการกับศพ

เหตุผลที่พันธมิตรต้องปกปิดหลุมศพหมู่

แม้ว่าดีเดย์จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ความจริงที่ถูกซ่อนอยู่ก็คือ พันธมิตรต้องเผชิญกับภารกิจการจัดการศพจำนวนมหาศาล

ทำไมต้องปกปิด?

  1. จิตวิทยาสงคราม:

    • การเผยแพร่ภาพศพจำนวนมากอาจทำให้ขวัญกำลังใจของทหารและประชาชนลดลง
    • ชัยชนะของดีเดย์ถูกใช้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของความสำเร็จ การเปิดเผยความสูญเสียอาจทำลายเรื่องเล่านี้
  2. การควบคุมสื่อ:

    • การเซ็นเซอร์ภาพถ่ายและข่าวสารช่วยปกป้องภาพลักษณ์ของพันธมิตร
    • เจ้าหน้าที่ทหารรีบเคลื่อนย้ายศพจากชายฝั่งโดยไม่คำนึงถึงการระบุเอกลักษณ์
  3. การโฆษณาชวนเชื่อ:

    • รัฐบาลต้องการให้ประชาชนสนับสนุนสงคราม การเปิดเผยความโหดร้ายอาจทำลายความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล

ผลที่ตามมา:

คำถามที่ยังคงค้างคา: ศพที่หายไปอยู่ที่ไหน?

แม้จะมีการกู้ร่างและจัดการศพในช่วงหลังสงคราม แต่ก็ยังมีคำถามถึง ศพที่สูญหาย หลายพันร่าง เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันมานาน

สาเหตุที่บางศพไม่ถูกพบ:

  1. การฝังศพในหลุมตื้น ๆ บนชายหาดโดยไม่มีเครื่องหมาย
  2. การย้ายศพไปยังสุสานที่ไม่ได้รับการดูแลในภายหลัง
  3. ศพบางส่วนสูญหายในทะเลและไม่สามารถกู้คืนได้

✨ ปัจจุบัน หน่วยงานอย่าง DPAA (Defense POW/MIA Accounting Agency) กำลังค้นหาศพที่ยังสูญหาย โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น การตรวจ DNA และการสำรวจเรือจม


สุสานนอร์มังดีอเมริกันคือพยานแห่งสงคราม

สุสานนอร์มังดีอเมริกัน ตั้งอยู่บนหน้าผาใกล้ หาดโอมาฮา เป็นที่ฝังศพของทหารอเมริกันประมาณ 9,400 นาย

🌟 ความรู้สึกของผู้รอดชีวิต:

🪦 ความจริงที่ยังถูกปิดบัง

บทเรียนสำหรับโลกปัจจุบัน

เรื่องราวของศพในวันดีเดย์ทำให้เราเห็นว่า สงครามไม่ได้มีแค่ชัยชนะ แต่เต็มไปด้วยความสูญเสียที่ถูกปกปิด

"ชัยชนะในสงครามอาจถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ แต่เบื้องหลังคือความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืมเลือน"

✨ การค้นพบที่เกี่ยวกับดีเดย์ยังคงสอนให้เราตระหนักถึงราคาของสงครามและชีวิตมนุษย์ที่ต้องสูญเสียไปเพื่อแลกกับสิ่งที่เรียกว่า "ชัยชนะ" 🌹

แปลโดย: aurnit
ที่มา: Wikimedia Commons
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
aurnit's profile


โพสท์โดย: aurnit
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สระมรกต บ่อผุด กระบี่ พื้นที่แห่งโอโซนที่คนกรุงต้องได้ไปสัมผัส
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
กลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลก เรื่องเล็กที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตประจำวันทำไมเวลาที่เราฟังเพลงที่เพราะมากๆแล้ว "ร้องไห้" กันนะ?ประวัติศาสตร์กัมพูชา "จากอาณาจักรขอมผู้ยิ่งใหญ่สู่การก้าวขึ้นสู่อำนาจของฮุนเซน""ประสบการณ์หาเงินออนไลน์"
ตั้งกระทู้ใหม่