วิบากขาวสามารถลัดคิววิบากเก่า
พวกเราอยู่กับผลของกรรมตลอดเวลา
ระหว่างมีสภาพเป็นมนุษย์
เราต้องรับผลที่เคยก่อไว้และลืมไปแล้วตามคิว
ร่างกายจากหัวจรดเท้าเป็นผลของกรรม
สภาพจิตใจก็เป็นผลของกรรม
ชะตาชีวิตที่เผชิญอยู่ก็เป็นผลของกรรม
ในพระไตรปิฎกบอกไว้ว่า
เมื่อวิบากดำให้ผล โมหะก็เข้าครอบ
แม้บัณฑิต...ก็ทำเรื่องโง่ได้
คนรอบคอบ...ก็ประมาทได้
วิบากชั่วนั้นรอจังหวะเล่นงานเราหนักที่สุด
ตอนเราไม่พร้อมจะรับมือกับมันอย่างที่สุด
ซึ่งนั่นก็คือช่วงที่เรา
โลภที่สุด โกรธที่สุด และหลงที่สุด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ทาน ศีล ภาวนา
คือความสว่างแบบพุทธ
ที่มีพลังสว่างอยู่จริง
อย่างที่รู้ได้ด้วยตนเองว่า
เกิดขึ้นแล้วยกระดับชีวิตได้จริง
กรรมที่ ‘พยายามลด’
ความโลภ ความโกรธ ความหลงนั้น
ให้ผลเร็วทันตาทันใจ
แทบไม่มีอะไรเกินหน้าได้
เช่น ให้ทานเป็นประจำ
แม้ถูกบีบให้ตระหนี่
จนรู้สึกว่าชีวิตสว่างขึ้นจากทาน
รักษาศีลได้แน่วแน่
แม้โดนยั่วยุให้ทำบาป
จนรู้สึกว่าชีวิตสว่างขึ้นจากศีล
เข้าสมาธิเบิกบานได้
แม้อยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย
จนรู้สึกว่าชีวิตสว่างขึ้นจากสมาธิ
เจริญสติเจริญปัญญาได้
แม้กำลังเป็นทุกข์สาหัส
จนรู้สึกว่าชีวิตสว่างขึ้นจากสติปัญญา
คนเราเมื่อกระแสละโมบลดลง
ความเดือดเนื้อร้อนใจทางการเงินก็จะลดลงตาม
และคนเราเมื่อกระแสพยาบาทจางลง
ความเบียดเบียนจากคนร้ายก็จะจางลงตาม
ที่สำคัญ เมื่อคนเรามีหมอกมัวแห่งโมหะเบาบาง
ความเดือดเนื้อร้อนใจอันเกิดจาก
การตัดสินใจด้วยความเขลา ก็จะเบาบางตาม
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
เมื่อ ทำทาน รักษาศีล และทำสมาธิให้มากแล้ว
วิบากขาวจะเกิดขึ้นเร็ว
และสามารถ ‘ลัดคิวให้ผล’ แทรกแซงวิบากเก่า
รักษาเราให้อยู่สวัสดีปลอดภัย
สบายใจจากเรื่องรบกวนได้มากกว่าคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ขอให้เข้าใจว่ากรรมขาว
ไม่ได้เป็นประกันว่าแก้กรรมเก่าได้ครอบจักรวาล
กรรมฐานอาจเลื่อนเวลาให้ผลกรรมดำได้
เพราะมีกรรมขาวมาแทรกแซง
แต่ไม่ใช่ลบล้างกัน
เหมือนเอายางลบลบรอยดินสอ
กรรมดำอาจเข้าคิวให้ผลอยู่สุดกู่
แต่ถ้าสบช่องเมื่อไหร่ก็ให้ผลจนได้
แม้แต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์
ท่านทำบุญขั้นสูงสุดจนสำเร็จมรรคผลแล้ว
ก็ยังต้องเสวยวิบากเก่า
ที่เป็น ‘ทุกข์ทางกาย’ ได้อยู่
แต่พวกท่านจะไม่ ‘ทุกข์ทางใจ’ อีกแล้ว
กายใจนี้รับกรรม
โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวตนผู้รับกรรม
เพราะใจไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์เพราะการรับกรรมนั้น
เอาให้ได้อย่างนี้แหละ! ‘กรรมที่ถูกแก้’ อย่างแท้จริง
ขอเป็นกำลังใจให้เพียรต่อบนวิถีทางอันประเสริฐนี้ครับ
อ้างอิง : ดังตฤณ