ไอ้เหี้ยมสังหารโหด 7 ศพ! คดีสะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์อาชญากรรมไทย(2529)
ย้อนไปในปี พ.ศ. 2529 เสียงลือเสียงเล่าอ้างจากจังหวัดกาญจนบุรี ทำให้คนทั้งประเทศต้องหยุดนิ่ง เมื่อข่าวการฆาตกรรมโหด 7 ศพคนงานเขื่อนวิชราลงกรณ (หรือเขื่อนเขาแหลมในอดีต) ถูกเปิดเผย สิ่งที่ถูกเล่าในเวลานั้นไม่ได้มีแค่จำนวนผู้เสียชีวิต แต่คือความอำมหิตที่ถูกเรียกขานว่า “เหนือมนุษย์” ผู้ลงมือได้รับฉายาว่า “ไอ้เหี้ยม” ฆาตกรที่สร้างความหวาดกลัวให้กับคนทั้งแผ่นดิน
นี่ไม่ใช่แค่การฆาตกรรมธรรมดา แต่มันคือการลงมืออย่างเลือดเย็น ที่ซ่อนความโกรธแค้น ความเจ็บปวด และความบ้าคลั่งไว้ใต้ใบหน้าที่ดูปกติ เรื่องราวนี้ไม่ใช่เพียงตำนาน แต่มันคือประวัติศาสตร์อาชญากรรมที่คนไทยไม่มีวันลืม
ในเช้าวันหนึ่งกลางฤดูฝน เสียงเครื่องจักรในแคมป์คนงานก่อสร้างเขื่อนหยุดลง ความเงียบงันนั้นไม่ได้มาจากฟ้าฝนหรือความเหนื่อยล้า แต่มันคือความไม่ปกติ เมื่อคนงาน 7 คนที่อยู่ในแคมป์กลับไม่ได้ไปทำงาน พวกเขาเหมือนหายไปในอากาศ
วันแรก ไม่มีใครเอะใจ คิดว่าอาจเป็นเพราะความเมามายจากเมื่อคืน หรือบางทีพวกเขาอาจออกไปหาของกินนอกแคมป์ แต่เมื่อเข้าสู่วันที่สอง และวันที่สาม ความเงียบเริ่มก่อตัวเป็นคำถาม
จนกระทั่งในวันที่ห้า กลิ่นเหม็นเน่าที่ไม่ธรรมชาติพัดมาจากป่ารอบแคมป์ มันคือสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าบางสิ่งผิดปกติ และสิ่งที่ถูกค้นพบในเวลาต่อมาคือภาพที่ไม่มีใครอยากเห็น
ไม่ไกลจากแคมป์คนงานในป่ารก มีหลุมดินตื้นๆ ถูกขุดไว้แบบลวกๆ เจ้าหน้าที่พบร่างไร้วิญญาณ 7 ร่างถูกทิ้งไว้ในหลุมเดียวกัน ศพแต่ละศพมีสภาพที่ชวนสะเทือนใจ บางศพถูกมัดมือมัดเท้าด้วยเชือกหยาบ บางศพถูกแทงจนพรุนไปทั้งตัว ส่วนอีกหลายศพมีร่องรอยของการถูกทุบศีรษะอย่างแรง
หลักฐานในที่เกิดเหตุบ่งชี้ว่า เหยื่อถูกทรมานก่อนเสียชีวิต สภาพแวดล้อมในหลุมฝังศพบ่งบอกถึงความเร่งรีบในการปกปิดความจริง ทุกสิ่งเหมือนจะตะโกนบอกว่า “ผู้ลงมือไม่ได้หวังให้ใครรอดชีวิต”
หลังจากสืบสวนอยู่หลายวัน ตำรวจเริ่มเบาะแสไปถึงชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนงานในแคมป์เดียวกัน ผู้ชายคนนี้เงียบขรึม ไม่พูดจากับใครมากนัก แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดนจับตามองคือพฤติกรรมที่ดูเย็นชาและไร้ความรู้สึกต่อการสูญเสียเพื่อนร่วมงาน
ชายคนนี้ถูกเรียกขานในเวลาต่อมาว่า “ไอ้เหี้ยม” ไม่ใช่เพราะหน้าตาของเขาน่ากลัว แต่เพราะการกระทำของเขานั้นไร้ซึ่งความปรานีและความเป็นมนุษย์
เมื่อถูกจับกุมและสอบสวน “ไอ้เหี้ยม” สารภาพว่าเขาลงมือเพราะความโกรธแค้นส่วนตัวกับเหยื่อบางคนในแคมป์ คนงานที่เสียชีวิตบางรายเคยมีปากเสียงกับเขา บางรายเคยหัวเราะเยาะเขาในที่สาธารณะ
แต่แรงจูงใจดูเหมือนจะไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะตำรวจเชื่อว่า เขาอาจมีปัญหาทางจิต การสังหารหมู่ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การแก้แค้น แต่มันเหมือนกับการปลดปล่อยความโกรธที่เก็บสะสมมานาน
คดีนี้ถูกปิดลงเมื่อ “ไอ้เหี้ยม” ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่เรื่องราวของเขากลับยังคงอยู่ในความทรงจำของคนไทย หลายคนยังจำได้ถึงความรู้สึกหวาดผวาในตอนนั้น บางคนเชื่อว่าการลงมือของเขาเป็นผลจาก “ปีศาจในจิตใจ” ที่ครอบงำจนไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์
บ้านเรือนรอบพื้นที่เขื่อนวิชราลงกรณในยุคนั้นต่างหวาดกลัว หลายครอบครัวเชื่อว่าพื้นที่นี้อาจถูกคำสาป เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์ใดที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน
เรื่องราวนี้ไม่ใช่แค่การฆาตกรรมที่น่าสะพรึงกลัว แต่มันเป็นเครื่องเตือนใจว่าความโกรธแค้นหรือปัญหาทางจิตที่ไม่ได้รับการแก้ไข อาจนำไปสู่หายนะที่เกินกว่าจะจินตนาการ
“ไอ้เหี้ยม” อาจเป็นชื่อที่ลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ในความมืดของประวัติศาสตร์ไทย คดีนี้จะยังคงถูกจดจำในฐานะหนึ่งในเรื่องราวอาชญากรรมที่สะเทือนขวัญที่สุด
แม้ว่าผู้ลงมือจะถูกลงโทษไปแล้ว แต่บาดแผลทางจิตใจที่เกิดขึ้นกับญาติของเหยื่อ และความกลัวที่ยังคงอยู่ในใจคนไทย ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่เคยจางหาย