ตำนานท้าวเวสสุวรรณ บ้านหนองคำ
ในค่ำคืนหนึ่งที่ลมหนาวพัดผ่านหมู่บ้าน “หนองคำ” หมู่บ้านเล็ก ๆ ทางภาคอีสานตั้งอยู่ริมป่าดงพญาเย็น หมอกหนาปกคลุมราวกับม่านแห่งความลี้ลับ ชาวบ้านดำเนินชีวิตเรียบง่าย แต่ก็แฝงไปด้วยความเชื่อที่หยั่งรากลึกเกี่ยวกับ “ท้าวเวสสุวรรณ” ผู้ปกปักทรัพย์สินและเป็นเทพผู้คุมเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ
ศาลไม้เก่าแก่ของท้าวเวสสุวรรณตั้งอยู่กลางป่า ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ที่มีรากพันเกี่ยวกันแน่นจนดูราวกับเป็นกำแพงธรรมชาติ ชาวบ้านเล่าว่าในยามค่ำคืน หากเผลอก้าวเท้าเข้าสู่เขตศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต จะได้ยินเสียงกิ่งไม้ลั่นดังราวกับโซ่เหล็กที่กำลังรัดแน่น และจะไม่มีใครสามารถออกมาได้อีก
คืนหนึ่ง เด็กหนุ่มชื่อ “ค้ำคูณ” ลูกชายของหมอพื้นบ้านผู้ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับ ได้ท้าทายความเชื่อของชาวบ้าน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เขาตัดสินใจเดินเข้าไปในศาลพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ทั้งสามถือไฟฉายเล็ก ๆ เดินลึกเข้าไปในความมืด
เมื่อพวกเขามาถึงศาล ลมเย็นยะเยือกพัดแรงจนธูปและเทียนที่ชาวบ้านทิ้งไว้ดับลง ไฟฉายของพวกเขาเริ่มกะพริบ และเงาดำร่างยักษ์ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกำแพงศาล เงานั้นถือกระบองยาว ดูราวกับกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่
เสียงกระซิบดังขึ้นรอบตัวพวกเขา เสียงนั้นฟังดูเหมือนคำสวดมนต์โบราณผสมกับเสียงหัวเราะที่เย็นเยียบ พื้นดินใต้เท้าของพวกเขาเริ่มสั่นสะเทือน รากไม้ข้างศาลค่อย ๆ เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต เพื่อนคนหนึ่งของค้ำคูณร้องลั่นก่อนที่รากไม้จะดึงตัวเขาหายไปในความมืด
ค้ำคูณและเพื่อนที่เหลือรีบวิ่งหนี แต่ยิ่งวิ่งก็ยิ่งเหมือนกำลังวนกลับมาที่ศาลอีกครั้ง เงาดำยักษ์นั้นค่อย ๆ เข้าใกล้ เสียงกระบองเหล็กกระแทกพื้นดังสะท้อนจนทำให้ทั้งป่าสั่นสะเทือน
“เจ้าไม่เคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงรับผลของการกระทำ” เสียงทุ้มลึกของเงานั้นก้องกังวานจนทำให้ค้ำคูณล้มลงทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น ค้ำคูณถูกพบหมดสติอยู่หน้าศาล เพื่อนทั้งสองคนของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ชาวบ้านพยายามค้นหาแต่กลับพบเพียงรอยเท้าของพวกเขาที่จมหายไปในดินโคลนเหมือนถูกดูดลงไปในใต้พิภพ
เมื่อค้ำคูณฟื้นขึ้นมา เขาเล่าว่าขณะที่เขาหมดสติ เขาถูกล้อมรอบด้วยเงาร่างยักษ์ที่นับไม่ถ้วน ทุกเงาจ้องมองเขาอย่างเย็นชา เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกดังซ้ำไปซ้ำมาในความมืด พร้อมเสียงกระซิบว่า
"เจ้ากล้าที่จะลบหลู่ จงเฝ้าดูความมืดนี้ตลอดกาล..."
ตั้งแต่นั้นมา ชาวบ้านยิ่งศรัทธาและเคารพต่อท้าวเวสสุวรรณ ทุกคนจะนำเครื่องเซ่นไหว้ไปถวายเป็นประจำ และไม่มีใครกล้าเหยียบย่างเข้าไปในศาลยามค่ำคืนอีกเลย บางคืนชาวบ้านยังคงได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินวนรอบศาล พร้อมเสียงกระบองกระแทกพื้นดังขึ้นในป่ารอบ ๆ หมู่บ้าน
ตำนานของ “เงาแห่งท้าวเวสสุวรรณ” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่า แต่เป็นเครื่องเตือนใจว่าในความลึกลับของศรัทธา อาจมีบางสิ่งที่พร้อมลงโทษผู้ที่ลบหลู่ และคอยเฝ้าดูจากเงามืดตลอดเวลา