บ้านที่ถูกทิ้งร้าง
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าและป่าไม้ มีบ้านหลังหนึ่งที่ถูกทิ้งร้างมานานหลายปี ภายนอกบ้านนั้นเก่าและทรุดโทรม สภาพเหมือนถูกทิ้งให้ลืมเลือนจากกาลเวลา บางคนบอกว่ามันเคยเป็นบ้านของครอบครัวหนึ่งที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้นอีกเลย เพราะมีเรื่องเล่าถึงสิ่งประหลาดที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนั้นมากมาย
เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อพีระ ชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี ที่เพิ่งย้ายมาจากเมืองใหญ่ เขาได้ยินเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับบ้านร้างหลังนั้นจากชาวบ้านในหมู่บ้าน แม้บางคนจะบอกว่า "อย่าไปยุ่งกับมันเลย เดี๋ยวจะโชคร้าย" แต่พีระกลับเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ เขาคิดว่าเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้นเพื่อหลอกเด็กๆ เท่านั้น
พีระตัดสินใจว่าจะเข้าไปสำรวจบ้านร้างในตอนกลางคืน เพื่อพิสูจน์ว่ามันไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คนอื่นพูดกัน เขาเตรียมไฟฉายและกล้องถ่ายภาพเพื่อบันทึกสิ่งที่พบเจอในบ้าน หลังจากรอจนดึกค่ำ เมื่อทุกคนในหมู่บ้านหลับไป เขาก็เดินออกจากบ้านพักและมุ่งหน้าไปยังบ้านเก่าหลังนั้น
เมื่อพีระเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เขารู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกประหลาด อากาศเย็นยะเยือกเหมือนมีอะไรบางอย่างลอยอยู่ในอากาศ ที่สำคัญคือความเงียบสงัดที่เกือบจะทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง ในความมืดของบ้านนั้น เขาเห็นแสงไฟฉายของตัวเองส่องไปกระทบกับกระเบื้องแตกๆ และผนังบ้านที่มีรอยร้าว เขายังพอเห็นร่องรอยของเวลาในทุกๆ ส่วนของบ้าน
เขาเปิดประตูไม้เก่าที่บิดเบี้ยวออกอย่างช้าๆ เสียงกรอบแกรบทำให้บรรยากาศน่าขนลุกยิ่งขึ้น ข้างในบ้านมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงจากดวงจันทร์ส่องเข้ามาในห้อง ผนังที่มีรอยคราบน้ำสกปรก และกลิ่นเหม็นอับทำให้พีระรู้สึกไม่สบายใจ เขาเดินไปตามทางเดินที่ยาวเหยียดและเปิดประตูห้องแรกที่พบ
ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นหนาและเศษกระเบื้องแตกๆ ที่พื้น พีระยืนสำรวจห้องอย่างช้าๆ ขณะที่ไฟฉายส่องไปที่มุมต่างๆ ของห้อง เขาคิดว่าเขาจะต้องหาความจริงให้ได้ จึงเดินลึกเข้าไปในบ้าน จนกระทั่งเขามาหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่งที่มีประตูไม้เก่าๆ ปิดสนิท
เขาพยายามเปิดประตูด้วยมือเปล่า แต่ประตูนั้นกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย เขาใช้แรงทั้งหมดผลักประตู จนกระทั่งมันเปิดออกด้วยเสียงดัง "แอ๊ดดด" เขาก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั้น
ทันทีที่พีระก้าวเท้าเข้าไปในห้อง เสียงฝีเท้าเบาๆ เริ่มดังขึ้นจากมุมมืดของห้อง เสียงนั้นเบาแต่ชัดเจนจนพีระต้องหยุดฟัง เขาหันไปมอง แต่ไม่เห็นใคร เขาเริ่มรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่เยาะเย้ยอยู่รอบตัว ในใจของเขาเริ่มสั่นคลอน แต่อีกด้านหนึ่งของเขาก็ยังคงคิดว่าอาจจะเป็นเสียงที่เกิดจากลมพัด หรืออาจจะเป็นแค่จินตนาการของเขาเอง
พีระถามออกไปด้วยเสียงที่สั่นคลอน “ใครอยู่ที่นั่น?”
ไม่มีคำตอบใดๆ เสียงฝีเท้ายังคงดังต่อไปเรื่อยๆ มันใกล้เข้ามาทุกที เสียงนั้นเริ่มดังก้องในหูเขา จนเขารู้สึกเหมือนจะถูกตามล่า
"มันต้องมีบางอย่างอยู่ในห้องนี้!" พีระคิดในใจ เขาหันไปมองทั่วห้องแต่กลับไม่เห็นอะไรเลย
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้พีระหันไปมองอย่างตกใจ สิ่งที่เขาเห็นคือลักษณะของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเก่าๆ ยืนอยู่ตรงประตูห้อง ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวและหมองคล้ำ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอทำให้พีระรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่เข้าไปในกระดูก
“คุณคือใคร?” พีระถามเสียงสั่น
หญิงสาวยิ้มแล้วตอบกลับมาในเสียงที่เบาและเศร้า “เราไม่ควรให้ใครมาเยือนที่นี่...”
พีระไม่รอช้า เขารีบวิ่งออกจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เสียงฝีเท้าของหญิงสาวยังดังตามหลังเขา แต่เมื่อเขาก้าวข้ามขอบประตูและหันกลับไปมอง เขากลับเห็นเพียงความมืดสนิท ไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว
พีระรีบวิ่งออกจากบ้านโดยไม่หันกลับไปมองอีกครั้ง เขาผ่านป่าทึบและวิ่งจนเกือบถึงหมู่บ้าน เขาหยุดหายใจเหนื่อยๆ และรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ยังคงฝังลึกในใจ
ในคืนนั้น พีระฝันถึงหญิงสาวในชุดเก่าๆ คนนั้นอีกครั้ง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและเงียบงัน เธอพูดว่า "อย่าไปที่นั่นอีกเลย..."
หลังจากคืนนั้น พีระไม่เคยกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกเลย เขาเข้าใจแล้วว่าบางครั้งสิ่งที่เราไม่เชื่อ ก็อาจจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกใบนี้