ความกลัวของผม Fear..
กลางคืนที่ไร้แสงสว่าง มักเป็นเวลาที่ความเงียบงันทำให้ผมต้องจ้องมองเข้าไปในห้วงแห่งความมืด เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในนั้น ความมืดไม่ใช่แค่การไม่มีแสง แต่มันคือสิ่งที่ทำให้ผมตระหนักถึงการมีอยู่ของ “ความกลัว”
ความกลัวไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่มาถึงในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่มันเหมือนกับการมีเพื่อนร่วมทางที่ไม่เคยจากไปไหน ทุกครั้งที่ผมอยู่คนเดียว ความกลัวจะคืบคลานเข้ามาหา และมันจะรอคอยโอกาสที่จะทำให้หัวใจของผมเต้นรัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว การที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันจะคอยยั่วเย้าเราไปตลอดทั้งวันทั้งคืน การที่จะหลบหนีจากมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความกลัวมันซ่อนตัวอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งในที่ที่คุณคิดว่าปลอดภัยที่สุด
ผมไม่รู้ว่าความกลัวของตัวเองเริ่มต้นจากเมื่อไหร่ อาจจะตั้งแต่วัยเด็ก ตอนที่ผมนั่งอยู่ในห้องมืดๆ เพียงลำพัง เสียงแผ่วเบาที่คล้ายกับเสียงคนเดินมักจะดังขึ้นในหัวของผม มันไม่เคยมีใครอยู่จริง แต่ทุกครั้งที่หันกลับไป ผมรู้สึกได้ถึงสายตาบางอย่างที่จ้องมองผมอยู่ ความรู้สึกนี้มันเหมือนการถูกสะกดรอยตามตลอดเวลา มันคอยตามคุณไปทุกที่ แม้กระทั่งในสถานที่ที่ดูเหมือนจะปลอดภัยที่สุด
หนึ่งในความกลัวที่ติดตัวผมมาเสมอ คือ “ความว่างเปล่า” ไม่ใช่แค่ในพื้นที่ว่าง แต่เป็นความรู้สึกว่าตัวเองจะหายไปในโลกที่ไม่มีใครสนใจ โลกที่ดูเหมือนทุกคนจะมีชีวิตของตัวเองและเดินไปข้างหน้า แต่ในขณะเดียวกัน ผมกลับรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังสูญเสียความหมายใดๆ ไป บางครั้งผมรู้สึกเหมือนกำลังหายตัวไปอย่างช้าๆ โดยไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรับรู้ บางครั้งผมก็แค่ถามตัวเองว่า “ถ้าผมหายไปจริงๆ ใครจะสนใจ?” และในคำถามนั้น มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
บางครั้งผมก็กลัวสิ่งที่ผมมองไม่เห็น เช่น เงา เงาที่ดูเหมือนเคลื่อนไหวได้ เงาที่ไม่ควรจะมีอยู่ในที่ที่ไม่มีอะไรอยู่ มันเหมือนมีชีวิต เงานั้นมักจะกระตุ้นให้หัวใจของผมเต้นแรง แม้จะบอกตัวเองว่ามันไม่มีอะไร ผมก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความรู้สึกเหมือนกำลังถูกสะกดรอย ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า เงาที่มองเห็นนั้นมันคืออะไร? อาจเป็นแค่การสะท้อนของแสง แต่มันก็ดูเหมือนจะมีเจตนาที่ไม่เป็นมิตร บางครั้งผมก็คิดว่าเงานั้นอาจจะมาจากสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ สิ่งที่แฝงตัวอยู่ในมืดและคอยจับจ้องความกลัวของผม
และที่แย่ที่สุดคือ “ความกลัวในจิตใจของตัวเอง” มันคือปีศาจที่ไม่มีรูปร่าง แต่มันกัดกินความสุข ความสงบ และทุกอย่างที่ดีในชีวิตของผม เสียงกระซิบในหัวที่บอกให้ผมระวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึง มันทำให้ผมลืมไปว่าตอนนี้ผมควรจะมีความสุข การที่ต้องอยู่กับความกลัวภายในใจ มันเหมือนกับการต่อสู้กับตัวเอง ทุกๆ วัน ทุกๆ นาที ผมต้องต่อสู้กับความคิดเหล่านั้นที่คอยบอกให้ผมระมัดระวังและไม่ยอมให้ตัวเองมีความสุข บางครั้งมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย ความกลัวกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และมันยังคงแฝงอยู่ในทุกๆ สิ่งที่ผมทำ
ผมไม่สามารถปฏิเสธความกลัวได้ มันเป็นเหมือนเงาของผมเอง แต่สิ่งที่ทำให้มันน่ากลัวที่สุดก็คือ ผมไม่สามารถหนีจากเงาของตัวเองได้เลย ทุกๆ ครั้งที่ผมพยายามจะหลีกเลี่ยงมัน ก็เหมือนกับการยิ่งหนีมันไปแล้วมันยิ่งตามมาเร็วขึ้น บางครั้งผมคิดว่าการยอมรับความกลัวอาจจะทำให้มันหมดไป แต่มันกลับกลายเป็นการเปิดประตูให้ความกลัวนั้นเข้ามามากขึ้นกว่าเดิม
ถ้าเงาของผมสามารถพูดได้ ผมสงสัยว่ามันจะบอกอะไร มันอาจจะบอกว่ามันคือผมในอีกด้านหนึ่ง ด้านที่ผมไม่อยากยอมรับ ความกลัวของผมไม่ใช่แค่สิ่งที่ผมไม่รู้จัก แต่มันคือสิ่งที่ผมรู้จักดีแต่ไม่อยากมองตรงๆ บางครั้งผมคิดว่า ผมเป็นคนที่สร้างมันขึ้นมาเอง ตั้งแต่ที่ผมเริ่มหลบเลี่ยงมัน ตั้งแต่ที่ผมเลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากับความจริง ความกลัวนั้นก็เติบโตและกลายเป็นปีศาจที่รออยู่ในหัวใจของผม
ทุกค่ำคืนที่ผมนอนหลับตา เสียงฝีเท้าจะดังขึ้นในห้อง แม้ผมจะอาศัยอยู่เพียงลำพัง เสียงนั้นหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนมันกำลังเข้ามาใกล้เตียงของผม บางครั้งผมก็แอบเปิดตาเพื่อมอง แต่ทุกครั้งที่ทำเช่นนั้น ผมจะพบว่าไม่มีอะไร แต่หัวใจของผมกลับไม่เชื่ออย่างนั้น เสียงฝีเท้าที่ไม่มีใครเห็น มันบอกอะไรกับผมบ้างไหม? หรือมันเป็นแค่ความคิดในหัวที่ไม่สามารถควบคุมได้?
ในบางคืนผมฝันร้าย ฝันถึงสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้ ผมเห็นร่างที่บิดเบี้ยว มีแขนขายาวเกินไป และดวงตาที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟสีดำ ร่างนั้นไม่ได้พูดอะไร มันเพียงแต่จ้องผม และผมไม่สามารถหลบสายตานั้นได้ ร่างนั้นเหมือนจะดูดเอาความกลัวของผมไปทุกครั้งที่มันปรากฏตัว ผมตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อท่วมตัว และไม่สามารถลืมความรู้สึกนั้นได้
ความกลัวของผมไม่ได้อยู่แค่ในหัว แต่มันคือสิ่งที่กำลังกลืนกินผมทั้งชีวิต บางครั้งผมคิดว่า ถ้าผมยอมรับมัน มันอาจจะลดลง แต่ทุกครั้งที่พยายามจะทำเช่นนั้น ผมกลับพบว่ามันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนการเผชิญหน้ากับตัวเองทุกครั้งที่มองเข้าไปในกระจก บางครั้งผมก็กลัวว่าในที่สุด ความกลัวนี้จะทำให้ผมสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป
ความกลัวไม่เคยหายไป มันแค่เปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนเสียง และเปลี่ยนวิธีที่จะเข้าถึงจิตใจของเรา และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของผมไปตลอดกาล ในตอนนี้ ผมยังคงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับความกลัวนี้ได้ ความกลัวมันหลอกหลอนจนยากที่จะหลบหนี หรือแม้แต่จะเผชิญหน้ากับมันอย่างตรงไปตรงมา
สุดท้ายนี้ ผมคิดว่าไม่ว่าผมจะพยายามหนีมันไปเท่าไหร่ ความกลัวก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมไปตลอด มันจะไม่จากไปไหน มันจะตามผมไปทุกที่และทุกเวลา เหมือนเงาที่ไม่สามารถหลบหนีจากมันได้