ไขปม ไฟไหม้เหยื่อบนรถไฟใต้ดิน ทำไมไม่มีใครช่วยเหลือ
**สรุปข่าว "เปิดสาเหตุ ทำไมไม่มีใครช่วยเหยื่อไฟไหม้ บนรถไฟใต้ดินนิวยอร์ค ยืนดูเฉย ๆ"**
เหตุการณ์ไฟไหม้บนรถไฟใต้ดินในนครนิวยอร์คที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ได้สะเทือนใจสังคมและกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการที่ไม่มีผู้โดยสารคนไหนช่วยเหลือเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้บนขบวนรถไฟใต้ดิน แม้จะมีผู้คนอยู่เต็มขบวน แต่เหตุการณ์กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือที่รวดเร็วและทันท่วงทีจากผู้เห็นเหตุการณ์ ขณะที่บางคนยืนดูเฉยๆ และไม่มีใครเข้ามาช่วยในเวลาที่มีความจำเป็น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2024 ขณะที่รถไฟใต้ดินขบวนหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ระหว่างสถานีในนครนิวยอร์ค กระทั่งเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นที่บริเวณกลางขบวน ทำให้เกิดควันหนาแน่นและทำให้ผู้โดยสารบางคนได้รับบาดเจ็บจากการสูดควันหรือถูกไฟไหม้เล็กน้อย ขณะเดียวกัน การช่วยเหลือผู้ประสบภัยกลับช้าและไม่ทันท่วงที เพราะผู้โดยสารหลายคนเลือกที่จะเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ โดยไม่ช่วยเหลือหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
หลังจากเหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ก็ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการไม่ลงมือช่วยเหลือจากผู้เห็นเหตุการณ์ และหลายคนตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของผู้โดยสารที่เลือกที่จะยืนดูเฉยๆ ทั้งๆ ที่เห็นคนตกอยู่ในอันตรายจากไฟไหม้ หลายๆ ความคิดเห็นที่ถูกเผยแพร่ออกมาแสดงถึงความผิดหวังต่อพฤติกรรมที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจหรือไม่แยแสต่อความทุกข์ของผู้อื่น
จากการสอบสวนในเบื้องต้น พบว่าในขณะที่เกิดเหตุไฟไหม้ ผู้โดยสารบางคนอาจตกใจและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หรือบางคนอาจรู้สึกกลัวว่าจะตกอยู่ในอันตรายเหมือนกันจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปช่วย ในขณะที่บางคนอาจคิดว่ามีคนอื่นที่สามารถช่วยได้มากกว่า หรืออาจคาดหวังให้เจ้าหน้าที่หรือบุคลากรที่ได้รับการฝึกฝนเข้ามาจัดการกับสถานการณ์นี้แทน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคมในยุคปัจจุบันที่มักหลีกเลี่ยงการเข้าช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
นักจิตวิทยาได้อธิบายว่าเหตุการณ์นี้อาจเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า "ปรากฏการณ์การกระทำโดยไม่ทำ" (Bystander Effect) ซึ่งหมายถึงพฤติกรรมที่คนมักจะไม่ทำอะไรเมื่อเห็นคนอื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเชื่อว่าคนอื่นจะช่วยเหลือแทน หรือไม่เชื่อมั่นในตัวเองว่าเราจะสามารถช่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงปล่อยให้สถานการณ์ผ่านไป นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยทางจิตใจอื่นๆ เช่น ความเครียดและความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองที่อาจทำให้คนบางคนเลือกที่จะเพิกเฉยต่อสถานการณ์ที่อันตราย
นอกจากนี้ การขาดการฝึกฝนหรือความรู้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีฉุกเฉิน เช่น การใช้เครื่องมือดับไฟหรือวิธีการช่วยชีวิตเบื้องต้น ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้โดยสารไม่กล้าเข้าช่วยเหลือเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะไม่แน่ใจว่าจะสามารถช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังได้จุดประกายให้หลายฝ่ายพิจารณาถึงความจำเป็นในการฝึกอบรมประชาชนให้มีทักษะในการจัดการกับเหตุฉุกเฉิน และสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการช่วยเหลือผู้อื่นในสังคม โดยไม่ปล่อยให้คนตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเพียงลำพัง
จากเหตุการณ์นี้ สังคมนิวยอร์คและสังคมทั่วโลกจึงเริ่มตั้งคำถามถึงการตอบสนองของประชาชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน และหลายฝ่ายได้เรียกร้องให้มีการฝึกอบรมให้กับประชาชนในเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การใช้เครื่องมือดับไฟ และการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ อย่างถูกต้อง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในอนาคต
เหตุการณ์นี้เป็นการเตือนสติให้กับสังคมว่าเราทุกคนมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้อื่นในยามที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ หากเรามองข้ามหรือละเลยการช่วยเหลือ ผู้อื่นอาจตกอยู่ในความเสี่ยงและอันตรายมากยิ่งขึ้น.






















