ต้นคริสต์มาส: จากเวทีละครสู่สัญลักษณ์แห่งเทศกาล ความหมายต่างๆที่ซ่อนอยู่ในต้นคริสต์มาส น่าสนใจอยู่น๊าาา
ใครจะรู้ว่าต้นคริสต์มาสที่เราคุ้นเคยกันดีในวันนี้ เคยมีจุดเริ่มต้นมาจากเวทีละครเล็กๆ ในยุโรปเมื่อหลายร้อยปีก่อน? เรื่องราวของต้นคริสต์มาสเปรียบเสมือนการเดินทางอันยาวนาน ผ่านการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการ จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาลคริสต์มาสที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ
ในศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์นิยมนำเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาสมาแสดงเป็นละครเพื่อถ่ายทอดความหมายของวันคริสต์มาสให้ชาวบ้านได้รับรู้ โดยในยุคนั้นได้มีการนำต้นสนมาตั้งไว้ตรงกลางเวทีเพื่อใช้เป็นของประดับฉาก เนื่องจากต้นสนเป็นต้นไม้ที่หาได้ง่ายในภูมิภาคยุโรปตอนเหนือ และยังคงเขียวชอุ่มตลอดปี ซึ่งสื่อถึงความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์
จากเวทีสู่บ้านเรือน
เมื่อเวลาผ่านไป ละครเกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาสได้ถูกนำมาแสดงอย่างต่อเนื่อง แต่ในศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชจำนวนหนึ่งได้ห้ามไม่ให้มีการแสดงละครดังกล่าวอีก เนื่องจากเห็นว่า การแสดงเหล่านี้ได้ถูกบิดเบือนจนกลายเป็นการแสดงละครเพื่อล้อเลียนชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง ด้านชาวบ้านที่รู้สึกเสียดาย เนื่องจากไม่มีโอกาสได้ดูละครสนุก ๆ แล้ว จึงหันมาสนุกกันในบ้านของตน โดยการนำต้นสนมาตั้งไว้ในบ้าน จากนั้นคนในครอบครัวก็จะช่วยกันนำลูกแอปเปิ้ล ขนม หรือกล่องของขวัญขนาดจิ๋วต่าง ๆ มาประดับประดาบนต้นไม้
การประดับไฟกะพริบ
สำหรับที่มาของการประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยไฟกะพริบต่าง ๆ นั้น คาดว่าน่าจะมาจาก ประเพณีเกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาสของชาวเยอรมัน ที่แต่เดิมได้มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิดไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมี ดาวดาวิด หรือสัญลักษณ์เป็นดาวหกแฉกประดับอยู่บนยอดปิรามิด ซึ่งมุมทั้งหกของดาวได้สื่อความหมายถึง ลักษณะ 6 ด้านของพระเจ้า คือ ฤิทธิ์เดช, สติปัญญา, ความสง่างาม, ความรัก, ความเมตตา และความยุติธรรม จากนั้นในศตวรรษที่ 16 จึงได้มีการนำประเพณีการตกแต่งต้นคริตส์มาส และการจุดเทียนมารวมรวมกัน จนกลายเป็นประเพณีในปัจจุบัน ที่มีการแขวนของขวัญ และตกแต่งไฟกะพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส โดยมีดาวดาวิดประดับอยู่บนยอดของต้นไม้
ความหมายของต้นคริสต์มาส
ต้นคริสต์มาสมีความหมายที่ลึกซึ้งสำหรับชาวคริสต์ โดยเชื่อกันว่าต้นคริสต์มาสได้สื่อความสำคัญในหลายประการ ได้แก่
นิรันดรภาพของพระเจ้า: ต้นสนที่เขียวชอุ่มตลอดปี เปรียบเสมือนพระเจ้าผู้เป็นอมตะ
ความสว่างไสวของพระเจ้า: แสงไฟที่ประดับประดาบนต้นคริสต์มาสเปรียบเสมือนแสงสว่างที่พระเจ้าประทานให้แก่โลก
ความชื่นชมยินดีและความสามัคคี: ต้นคริสต์มาสเป็นศูนย์รวมของครอบครัว ทำให้ทุกคนได้มาอยู่ร่วมกันและเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส
จากประเพณีสู่สัญลักษณ์ระดับโลก
ในปัจจุบัน ต้นคริสต์มาสได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์หรือไม่ก็ตาม ต้นคริสต์มาสได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขและการแบ่งปัน