การฉีดไขมันหน้า และ การฉีดฟิลเลอร์ เป็นทางเลือกในการเติมเต็มและปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แต่ทั้งสองวิธีนี้จะมีขั้นตอนการทำและข้อแตกต่างกัน ในบทความนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับ การฉีดไขมันหน้า และ การฉีดฟิลเลอร์ ว่าคืออะไร ? พร้อมเปรียบเทียบทั้งสองวิธีในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
สารบัญ ฉีดไขมันหน้า
- ฉีดไขมันหน้า คืออะไร ?
- ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร ?
- เปรียบเทียบฉีดไขมันหน้า vs ฉีดฟิลเลอร์
ฉีดไขมันหน้า คืออะไร ?
การฉีดไขมันหน้า (Lipofilling หรือ Fat Grafting) คือการใช้เซลล์ไขมันจากร่างกายของคนไข้เอง ฉีดเข้าไปยังจุดต่าง ๆ บนใบหน้า เพื่อเติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม หรือเพิ่ม volume ให้หน้าผาก ขมับ และคาง รวมถึงสามารถฉีดบริเวณลำตัว เช่น การเพิ่มขนาดและปรับทรงเต้านมได้
ซึ่งไขมันที่ใช้ในการฉีดไขมันหน้าจะมาจากการดูดไขมันส่วนเกินจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ต้นขา หน้าท้อง หรือสะโพก โดยแพทย์จะเลือกจุดที่เหมาะสมในการดูดไขมัน แล้วนำไขมันที่ได้มาผ่านกระบวนการพิเศษ เพื่อแยกเซลล์ไขมันคุณภาพดี จากนั้นจึงค่อยฉีดกลับไปบนบริเวณใบหน้าที่ต้องการเติมเต็ม
ข้อดีของการฉีดไขมันหน้า
- ใช้ไขมันของตัวเอง ลดความเสี่ยงการแพ้
- ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ โดยใช้ปริมาณไขมันมากกว่า
- บางรายผลลัพธ์อยู่ได้ถาวร แต่มีอัตราความสำเร็จที่ไม่สูง เพราะในปัจจุบัน พบว่า 70% ของการปลูกไขมันมักไม่สำเร็จ เนื่องจากไขมันต้องการเส้นเลือดมาเลี้ยง หากเติมไขมันในปริมาณมากเกินไป เซลล์ไขมันจะค่อย ๆ ตายและยุบตัวภายใน 6-12 เดือน
- เหมาะกับการเติมเต็มในพื้นที่กว้าง ๆ หรือตำแหน่งที่ต้องการเพิ่ม volume มาก ๆ เช่น ขมับ แก้มตอบ หน้าผาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้ายุบมาก ๆ
ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้า
- ต้องผ่านการผ่าตัดและมีแผลขนาด 3-5 mm เพื่อดูดไขมัน
- ใช้เวลาพักฟื้นนาน 2-4 สัปดาห์
- ผลลัพธ์อาจไม่แน่นอน เนื่องจากไขมันบางส่วนอาจถูกร่างกายดูดซึมกลับ
- ไม่สามารถปรับแต่งรายละเอียดได้เหมือนฟิลเลอร์
- มีโอกาสเกิดพังผืดและอาจทำให้ผิวไม่เรียบเนียน
- หากไขมันอุดตันเส้นเลือด จะแก้ไขไม่ได้และเสี่ยงเกิดเนื้อตาย
ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ คือการฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่ผิวหนังเพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกและเพิ่มความอิ่มฟูให้กับผิวหน้า โดยสารที่นิยมใช้มากที่สุดคือกรดไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ดี โดยสร้างขึ้นเลียนแบบสารในร่างกายที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สามารถสลายได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- ไม่ต้องผ่าตัด
- เห็นการเปลี่ยนแปลงทันที
- หวังผลได้แม่นยำกว่าการฉีดไขมัน
- ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผล
- หากไม่ชอบผลลัพธ์ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ออกได้
- เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ใต้ตา ดอลลี่อาย ร่องแก้ม คาง
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
- ราคาสูงกว่าการฉีดไขมันเมื่อเทียบกับปริมาณ cc ที่ได้
- ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่าการฉีดไขมัน (ระยะเวลาขึ้นกับรุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้)
เปรียบเทียบฉีดไขมันหน้า vs ฉีดฟิลเลอร์
ก่อนตัดสินใจ หลายคนอาจยังลังเลว่า ควรเลือกระหว่าง การฉีดไขมันหน้า หรือ การฉีดฟิลเลอร์ ในหัวข้อนี้ จะเปรียบเทียบทั้งสองวิธีในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่า
- ฉีดไขมันหน้า : เมื่อเทียบราคาต่อ cc มีราคาอยู่ที่ 50,000-70,000 บาท ต่อ 50-100cc อาจคุ้มค่ากว่าสำหรับการเติมเต็มปริมาณมากในตำแหน่งใหญ่ ๆ
- ฉีดฟิลเลอร์ : เริ่มต้นที่ 10,000 บาทขึ้นไป ต่อ 1cc คุ้มค่ากว่าสำหรับการเติมเฉพาะจุดที่ใช้ปริมาณไม่มาก
ผลข้างเคียงหลังทำ
- ฉีดไขมันหน้า : มีแผลบริเวณที่ดูดไขมัน ขนาด 3-5 mm สามารถทำพร้อมกับการดูดไขมันส่วนเกินออก
- ฉีดฟิลเลอร์ : ไม่มีแผล สะดวกสบายกว่า เหมาะสำหรับร่องที่ไม่ลึกมากและต้องการเติมเพียงเล็กน้อย
ผลลัพธ์หลังการฉีด
- ฉีดไขมันหน้า : หวังผลได้ประมาณ 30% หน้า 2 ข้างอาจได้ผลไม่เท่ากัน อาจต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง และไม่สามารถฉีดสลายได้ เติมเพิ่มได้อย่างเดียว
- ฉีดฟิลเลอร์ : เห็นผล 80% ทันทีหลังทำ สามารถปรับแก้เพิ่ม-ลดเพื่อให้ได้ผลตามต้องการได้
การเห็นผลและระยะเวลาพักฟื้น
- ฉีดไขมันหน้า : ในการเติมเพื่อให้ได้ผลอยู่ได้ถาวร ต้องใช้เทคนิค micro fat graft เป็นการฉีดไขมันจุดละไม่เกิน 0.01cc กระจายทั่วทุกชั้นในเนื้อผิว ซึ่งก็จะไม่ได้เต็มสวยภายใน 1 เดือนเหมือนเคสรีวิว จะต้องรอให้เซลล์ที่ปลูกค่อยๆโตขึ้นมาในระยะ 6 เดือน - 1 ปี
- ฉีดฟิลเลอร์ : เหมาะกับเคสที่ต้องการเห็นผลทันที ไม่ต้องพักฟื้น
การคงอยู่ของผลลัพธ์
- ฉีดไขมันหน้า : อยู่ได้ประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับบุคคลและเทคนิคของแพทย์ และในบางเคสที่ฉีดครั้งแรก อาจอยู่ได้เพียง 3-4 เดือน เนื่องจากไขมันอาจไม่ติดหรือไม่คงทน เพราะร่างกายดึงไขมันไปใช้
- ฉีดฟิลเลอร์ : อยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อหรือรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้
ข้อควรระวังก่อนการฉีด
- ฉีดไขมันหน้า : ระวังการโฆษณาเกินจริง ไม่ควรเชื่อรีวิวที่ฉีดไขมันหน้าจนล้น ควรระวังรูป before-after ที่แต่งหน้า และให้ลองถามหาเคสที่เติมไขมันมาแล้วเกิน 1 ปี เพื่อความมั่นใจ ว่าผลเป็นยังไง
- ฉีดฟิลเลอร์ : ควรระวังฟิลเลอร์ปลอม ต้องให้หมอแกะกล่อง แกะหลอดให้ดูก่อนฉีดทุกครั้ง รวมถึงหลังฉีดควรเก็บกล่องและหลอดกลับบ้าน หรือถ่ายรูปเก็บไว้ตรวจสอบ
วิธีเลือกสำหรับเคสเนื้อยุบมาก
- ฉีดไขมันหน้า : เหมาะกับคนที่เนื้อยุบมาก ๆ ในตำแหน่ง ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม และเหมาะกับคนที่ต้องการเติมหลาย ๆ จุดพร้อมกัน
- ฉีดฟิลเลอร์ : เหมาะกับคนที่มีปัญหาจากการยุบตัวของกระดูก สามารถฉีดในบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ดอลลี่อาย ริมฝีปาก
การแก้ปัญหากระดูกยุบตัว
- ฉีดไขมันหน้า : ไม่สามารถแก้การยุบตัวของกระดูกได้ ฉีดได้ในชั้นที่เป็นเนื้อ หากเติมมากเกินไปเนื้อก็จะยวบยาบไม่เป็นธรรมชาติ
- ฉีดฟิลเลอร์ : เหมาะกับคนที่มีปัญหาจากการยุบตัวของกระดูก เช่น ในตำแหน่ง ใต้ตา แก้มส้ม คาง หน้าผาก (สำหรับหน้าผากต้องฉีดในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูกถ้าฉีดตื้นเวลายักคิ้วหน้าผากจะขึ้นเป็นก้อน)
การฉีดสำหรับบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูง
- ฉีดไขมันหน้า : ไขมันไม่สามารถเติมในบางจุดได้ เช่น ดอลลี่อาย ริมฝีปาก
- ฉีดฟิลเลอร์ : สามารถฉีดในบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูงได้
การบวมช้ำหลังฉีด
- ฉีดไขมันหน้า : ค่อนข้างบวมมาก ต้องพักฟื้น 2-4 สัปดาห์ บางคนบวมถึง 2 เดือน
- ฉีดฟิลเลอร์ : มีอาการบวมเล็กน้อย เข้าที่ภายใน 2 สัปดาห์ หลังฉีดสามารถใช้หน้าได้ปกติ (อาจมีรอยช้ำในบางเคส สามารถแต่งหน้าปกปิดได้)
ความปลอดภัยและการแก้ไขปัญหา
- ฉีดไขมันหน้า : หากพลาดฉีดเข้าเส้นเลือด จะแก้ไขไม่ได้ ไม่มีเอนไซม์ช่วยสลาย เสี่ยงต่อการเกิดเนื้อตาย หรือ ตาบอด
- ฉีดฟิลเลอร์ : หากเกิดผลข้างเตียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ฉีดฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด สามารถแก้ไขได้ถ้าทำทันท่วงทีด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ ผิวกลับคืนสภาพเดิม 100% ไม่เสี่ยงทำให้เกิดเนื้อตาย หรือ ตาบอด
การฉีดยกหน้าในชั้นกระดูก
- ฉีดไขมันหน้า : ไม่สามารถฉีดเพื่อยกหน้าในชั้นกระดูกได้
- ฉีดฟิลเลอร์ : สามารถฉีดเพื่อปรับโครงหน้าให้ดูคมขึ้น มีมิติขึ้น ได้สัดส่วน ไม่ใช่แค่หน้าเต็มอย่างเดียว (ฉีดยกหน้าในชั้นเยื่อหุ้มกระดูก)
จากการเปรียบเทียบระหว่าง การฉีดไขมันหน้า และ การฉีดฟิลเลอร์ จะเห็นได้ว่าการฉีดไขมันหน้าไม่สามารถรับประกันได้ 100% ว่าไขมันที่ฉีดเข้าไปจะติดและคงอยู่ได้นานเท่าใด นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการฉีดไขมันเข้าหลอดเลือดที่อาจแก้ไขไม่ได้ ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่า อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง สามารถปรับแก้ไขได้ง่ายและสลายออกได้หากไม่พอใจผลลัพธ์
สรุป ควรเลือกฉีดไขมันหน้าหรือฉีดฟิลเลอร์ดี ?
ฉีดไขมันหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มใบหน้าในปริมาณมาก แต่ต้องพิจารณาถึงความไม่แน่นอนของผลลัพธ์และความเสี่ยงจากการฉีดไขมันเข้าหลอดเลือด
ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน รวดเร็ว และปลอดภัย จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หน้าตอบ หรือขมับตอบ ฟิลเลอร์สามารถเติมได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีผลข้างเคียง พร้อมทั้งให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และยังสามารถปรับแก้ได้ง่ายหากไม่พอใจ