คน 6 ประเภท ที่ควรหลีกเลี่ยงการกินส้มหรือดื่มน้ำส้มเป็นประจำ
เป็นที่รู้กันดีว่า ส้ม นั้นอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินบี9 (กรดโฟลิก) และยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ไขมันในเลือดสูง ชะลอวัย และเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ถึงแม้ว่าส้มจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ผลไม้ชนิดนี้ก็มีผลข้างเคียงสำหรับบางคน ซึ่งไม่ควรกินส้มหรือดื่มน้ำส้มทุกวัน อันได้แก่คน 6 กลุ่มดังต่อไปนี้
1. คนที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร รวมถึงเป็นแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น หรือตับอ่อนอักเสบด้วย ไที่ม่ควรดื่มน้ำส้ม เพราะจะไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการเสียดท้อง ส่งผลให้แผลในกระเพาะอาหารแย่ลง
2. คนที่เพิ่งได้รับการผ่าตัด เพราะน้ำส้มมีกรดซิตริกปริมาณค่อนข้างสูง และอยู่ในรูปของโซเดียมซิเตรต ซึ่งเป็นสารที่ใช้กันทั่วไปในการป้องกันการแข็งตัวของเลือด ดังนั้นคนที่เพิ่งผ่าตัด แผลยังไม่หายดี จึงควรระมัดระวังในการรับประทานส้ม เพราะอาจทำให้เลือดออกบริเวณบาดแผลได้ 3. ผู้ที่รับประทานยา โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ เพราะเมื่อรับประทานยาปฏิชีวนะ น้ำส้มไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เนื่องจากน้ำส้มมีส่วนประกอบของกรดเป็นส่วนใหญ่ จะทำให้ร่างกายดูดซึมยาได้ไม่เต็มที่ รวมทั้งไปรบกวนสารเคมีในตัวยา โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ เมื่อถูกกรดจากน้ำส้มจะทำให้ไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
4. ผู้ป่วยโรคไต โรคทางเดินอาหาร และโรคปอด เพราะจากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคไต ระบบย่อยอาหารไม่ดี และโรคปอด เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ปวดเอว ปวดหลัง และอาการอื่นๆง่าย
5. ผู้ที่เป็นโรคทางเดินอาหาร เพราะการดื่มน้ำส้มมากเกินไปจะส่งผลต่อระบบย่อยอาหารอย่างมาก ทำให้ท้องเสีย
6. คนกำลังหิว เพราะน้ำส้มมีกรดมาก ดังนั้นอย่าดื่มขณะท้องว่างโดยเด็ดขาด เพราะจะส่งผลต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารได้นั่นเอง และอย่าดื่มน้ำส้มก่อนแปรงฟัน เพราะกรดในน้ำส้มจะเกาะติดที่ผิวเคลือบฟัน เมื่อแปรงฟันอาจทำให้เคลือบฟันเสียหายได้ หากดื่มน้ำส้มเป็นประจำก่อนแปรงฟัน ควรบ้วนปากทันทีหลังจากดื่มน้ำส้ม เพื่อขจัดการเกาะตัวของกรดบนฟัน และป้องกันการกัดกร่อนของกรดบนเคลือบฟัน