ผู้เขียน: Boss Panuwat
Cravat เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สวมใส่รอบคอที่ได้รับการพัฒนามาจากเครื่องประดับที่มีต้นกำเนิดในสมัยศตวรรษที่ 17 โดยเริ่มต้นจากทหารโครเอเชีย (Croats) ซึ่งสวมใส่ผ้าผูกคอที่เรียกว่า "Tour de Cou" หรือ "Cravat" ที่มีลักษณะเป็นผ้าผูกที่คอในรูปแบบที่มีการผูกอย่างสวยงาม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของ เนคไท และ โบว์ไท ในยุคปัจจุบัน
เรื่องราวของ Cravat เริ่มต้นในปี 1660 เมื่อทหารโครเอเชียได้มาถึงประเทศฝรั่งเศส และผู้นำทางทหารจากฝรั่งเศสเริ่มเห็นถึงความโดดเด่นของเครื่องแต่งกายทหารโครเอเชีย ซึ่งทำให้เกิดความสนใจในการสวมใส่ผ้าผูกคอที่มีลักษณะพิเศษนี้ ซึ่งในเวลาต่อมาได้รับการพัฒนาจนกลายเป็น Cravat ที่เรารู้จักในปัจจุบัน
คำว่า "Cravat" มาจากคำว่า "Croat" ที่ใช้เรียกทหารโครเอเชีย ซึ่งมีวิธีผูกที่มีเอกลักษณ์ โดยในตอนแรกนั้น Cravat ถูกทำจากผ้าลูกไม้หรือผ้าฝ้ายที่มีการตกแต่งให้สวยงามตามระดับของบุคคลในสังคม โดยทหารชั้นสูงจะสวมใส่ Cravat ที่ทำจากผ้าไหมหรือผ้าลูกไม้ ซึ่งมีการปักลวดลายต่าง ๆ ขณะที่ทหารชั้นล่างจะสวมใส่ Cravat ที่ทำจากผ้าธรรมดาหรือผ้าคอตตอนที่มีการทอลายขัดขวาง
การผูก Cravat: ศิลปะของการผูกที่ละเอียด
Cravat ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องประดับที่ใช้เพื่อปกป้องคอจากลมหนาว แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของสถานะและความมีระดับในสังคม ช่วงเวลาหลังจากที่ Cravat ถูกนำเข้าสู่ฝรั่งเศส มันก็กลายเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงและผู้ที่มีฐานะทางสังคมที่ดี และด้วยความนิยมนี้ Cravat ได้มีการพัฒนาและกลายเป็นส่วนสำคัญในแฟชั่นของผู้ชายในยุคต่าง ๆ
การผูก Cravat ก็เหมือนกับศิลปะ ที่มีการผูกในหลากหลายวิธี ซึ่งในตอนแรกนั้นการผูกจะมีลักษณะคล้ายกับการผูกเนคไท โดยจะเริ่มจากการนำปลายของผ้าผูกมาไว้รอบคอ และจะผูกให้แน่นพอประมาณ โดยปลายผ้าจะถูกผูกในลักษณะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผูกที่เป็นรูปวงกลมหรือการผูกแบบที่มีลักษณะคล้ายกับการผูกโบว์ ซึ่งเป็นการผูกที่มีความซับซ้อนและต้องการความแม่นยำในการทำให้ดูสวยงาม
Cravat จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การปกปิดรอบคอเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความมีระดับ และเป็นการแสดงออกถึงสไตล์การแต่งตัวของแต่ละคน การผูก Cravat จึงเป็นเรื่องที่ต้องการความละเอียดและทักษะสูง ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ความสำคัญและเสน่ห์ของมันยังคงอยู่เสมอ
ในปัจจุบันการสวมใส่ Cravat ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มคนที่มีฐานะทางสังคมสูง แต่ยังได้รับความนิยมในวงการแฟชั่นของผู้ชายในหลาย ๆ ประเทศ ที่ทำให้การผูก Cravat กลายเป็นส่วนหนึ่งของสไตล์ที่สื่อถึงความหรูหราและความทันสมัยของผู้ที่สวมใส่
สรุป
การผูก Cravat ไม่เพียงแต่เป็นศิลปะของการผูกที่สามารถแสดงถึงความมีระดับและการใส่ใจในทุกรายละเอียด แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของแฟชั่นที่ถูกสืบทอดมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 และยังคงเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับคนที่สนใจในการแต่งตัวและสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ การเรียนรู้และเข้าใจในการผูก Cravat จึงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้การเรียนรู้การผูกเนคไทหรือโบว์ไทแบบอื่น ๆ