กระเบื้องปูพื้น มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
เลือกกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะกับทุกสไตล์ และการใช้งาน พร้อมแนะนำประเภทกระเบื้องปูพื้น (tile flooring) ทั้งเซรามิก แกรนิต หินอ่อน ไวนิล และวัสดุอื่น ๆ
หากคุณกำลังรีโนเวทบ้านใหม่ และต้องการตกแต่งให้พื้นบ้านมีความสวยงาม ดูดี เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน “กระเบื้องปูพื้น” ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เนื่องจากกระเบื้องปูพื้นไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่น่าอยู่ให้บ้านของคุณเท่านั้น แต่ยังมีให้เลือกหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น กระเบื้องลายไม้, กระเบื้องเซรามิก, กระเบื้องยาง, กระเบื้องแกรนิตโต้, กระเบื้องลายหินอ่อน หรือกระเบื้องโมเสค เป็นต้น
โดยบทความนี้จะพามาทำความรู้จักกระเบื้องปูพื้นประเภทต่าง ๆ เพื่อให้คุณมั่นใจว่ากำลังเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการปูพื้นบ้านใหม่ หรือการรีโนเวทพื้นที่เดิมให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม
ทำความรู้จัก กระเบื้องปูพื้นคืออะไร มีคุณสมบัติเด่นอะไรบ้าง
กระเบื้องปูพื้นเป็นวัสดุปูพื้นชนิดหนึ่งที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายในหลากหลายพื้นที่ ตั้งแต่ภายในบ้าน โรงรถ ลานจอดรถ ไปจนถึงพื้นที่ภายนอกตัวอาคาร โดยกระเบื้องปูพื้นภายใน และกระเบื้องปูพื้นภายนอก ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานหนัก รองรับน้ำหนักได้ดี และยังสามารถทนทานต่อการใช้งานในสภาพอากาศต่าง ๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้กระเบื้องปูพื้นเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการรีโนเวทพื้นบ้านใหม่
หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของกระเบื้องปูพื้นคือความแข็งแรงทนทาน กระเบื้องปูพื้นผลิตจากวัสดุหลากหลายประเภท เช่น กระเบื้องยาง spc, กระเบื้องเซรามิก, กระเบื้องพอร์ซเลน และกระเบื้องหินธรรมชาติ ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่ต่างกัน เช่น กระเบื้องพอร์ซเลนจะมีความหนาแน่นสูง ทนทานต่อรอยขีดข่วน และการสึกกร่อน ทำให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เช่น โรงรถ หรือลานจอดรถ เป็นต้น
อีกทั้งกระเบื้องปูพื้นยังมีให้เลือกหลากหลายขนาดและสีสัน โดยขนาดที่นิยมใช้งานกันมากที่สุดคือ กระเบื้องปูพื้น 60x60 เซนติเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะกับการใช้งานทั้งภายใน และภายนอกตัวอาคาร การเลือกขนาดกระเบื้องที่เหมาะสมจะช่วยเสริมให้พื้นที่ดูกว้างขวาง และเป็นระเบียบสวยงาม
กระเบื้องปูพื้นมีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?
กระเบื้องปูพื้นก็มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการปูพื้นในห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน พื้นที่กลางแจ้ง หรือพื้นที่ที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษ เช่น กันลื่นหรือทนทานต่อสภาพอากาศ กระเบื้องปูพื้นจึงมีให้เลือกหลายแบบตามความต้องการใช้งาน และราคาก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทและคุณภาพของวัสดุ มาเจาะลึกถึงแต่ละประเภทของกระเบื้องพื้นที่นิยมใช้กัน
กระเบื้องเซรามิก
กระเบื้องเซรามิก เป็นกระเบื้องปูพื้นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถรับแรงกดทับได้ดี อีกทั้งยังมีให้เลือกหลากหลายสีสัน กระเบื้องเซรามิกเหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องนอน เพราะทนต่อรอยขีดข่วน และสามารถดูแลรักษาได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม กระเบื้องเซรามิกชนิดผิวมันอาจลื่นเมื่อนำมาใช้ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง แต่สามารถเลือกใช้กระเบื้องเซรามิกที่มีผิวหยาบหรือผิวด้าน เพื่อช่วยป้องกันการลื่นได้เช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องการพื้นผิวหยาบ กระเบื้องปูพื้นหน้าบ้านไม่ลื่น จะปลอดภัยกว่าแบบลื่น
โดยราคาของกระเบื้องเซรามิกค่อนข้างเข้าถึงได้ง่าย มีให้เลือกตั้งแต่ราคาประหยัดจนถึงราคาสูง ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุและลวดลายที่เลือกใช้
กระเบื้องแกรนิตโต้
กระเบื้องแกรนิตโต้ จะมีความคล้ายคลึงกับกระเบื้องเซรามิก ซึ่งกระเบื้องแกรนิตโต้เป็นกระเบื้องที่มีความหนาแน่นสูง และทนทานต่อการใช้งานหนัก เนื่องจากการผลิตกระเบื้องแกรนิตโต้ เกิดจากการเผาด้วยความร้อนสูง และเมื่อเย็นตัวลงจะทำให้กระเบื้องประเภทนี้มีความหนาแน่นที่สูงมาก จึงทำให้กระเบื้องแกรนิตโต้มีความแข็งแรงเทียบเท่ากับหินแกรนิต
กระเบื้องแกรนิตโต้ยังมีสีสัน และลวดลายที่สวยงาม เหมาะกับผู้ที่ต้องการตกแต่งได้ทั้งในบ้าน และนอกบ้านเพื่อเพิ่มความหรูหรา ทั้งยังเพิ่มความเย็นให้กับพื้นบ้าน โดยกระเบื้องกระเบื้องปูพื้นแกรนิตโต้ 60x60 ราคาค่อนข้างสูงกว่ากระเบื้องเซรามิก แต่ถือว่าคุ้มค่าด้วยความทนทาน และอายุการใช้งานที่ยาวนาน
กระเบื้องดินเผา
กระเบื้องดินเผา ผลิตจากดินเผาธรรมชาติที่ไม่ผ่านการเคลือบผิว จึงทำให้กระเบื้องชนิดนี้มีผิวสัมผัสที่ค่อนข้างหยาบ นอกจากนี้กระเบื้องดินเผายังมีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำได้ดี แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องความชื้นเป็นพิเศษ นิยมใช้ในงานตกแต่งบ้านสไตล์วินเทจ หรือบ้านที่ต้องการความอบอุ่นแบบธรรมชาติ กระเบื้องดินเผาเหมาะกับพื้นที่แห้ง เช่น ลานสวน ทางเดิน และลานพักผ่อนกลางแจ้ง เป็นต้น โดยราคาของกระเบื้องดินเผาค่อนข้างหลากหลาย โดยขึ้นอยู่กับขนาด และความละเอียดในการผลิต
กระเบื้องแก้ว
กระเบื้องแก้ว เป็นกระเบื้องที่พื้นผิวของกระเบื้องมีความเงา และสะท้อนแสง จึงช่วยเพิ่มมิติให้กับพื้นบ้าน โดยกระเบื้องแก้วมักใช้ในการตกแต่งภายใน เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว และผนัง เนื่องจากสามารถกันน้ำได้ดี และดูแลรักษาง่าย ให้ความรู้สึกหรูหรา และมีสไตล์ แต่กระเบื้องแก้วไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักมาก เนื่องจากมีความเปราะบางกว่ากระเบื้องประเภทอื่น ๆ และกระเบื้องแก้วมีราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนกว่ากระเบื้องประเภทอื่น ๆ
เลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นทั้งที มีปัจจัยอะไรที่ต้องคำนึงถึงบ้าง?
การเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศภายในให้น่าอยู่เพียงอย่างเดียว แต่ปัจจัยที่สำคัญอย่างความทนทาน และการใช้งาน ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ก่อนตัดสินใจซื้อกระเบื้องจึงจำเป็นต้องคิดถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ขนาดของกระเบื้อง: ขนาดของกระเบื้องนั้นส่งผลอย่างมากต่อความรู้สึกของผู้อาศัย เช่น กระเบื้องขนาด 60x60 จะให้ความรู้สึกว่าห้องกว้างขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเป็นกระเบื้องแผ่นใหญ่ รอยต่อน้อย ทำให้พื้นดูเรียบและเนียนตามากขึ้น
- ดีไซน์ของกระเบื้อง: ควรเลือกกระเบื้องที่มีดีไซน์เข้ากับสไตล์ของห้อง เช่น กระเบื้องปูพื้นแกรนิตโต้สีเข้มให้ความหรูหรา และเป็นทางการ หรือสีอ่อนที่ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น สบายตา ให้ความรู้สึกน่าพักผ่อนเป็นต้น
- การใช้งาน: เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อกระเบื้อง โดยการเลือกกระเบื้องปูพื้นควรพิจารณาว่าจะนำไปใช้งานในบริเวณใด เช่น พื้นห้องน้ำ พื้นห้องครัว หรือพื้นห้องนั่งเล่น เพื่อให้แน่ใจว่ากระเบื้องที่เลือกเหมาะสมกับการใช้งาน และใช้งานได้นานที่สุด
กระเบื้องปูพื้น VS กระเบื้องปูผนังใช้แทนกันได้ไหม
หลายคนที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อกระเบื้อง อาจจะสงสัยว่า กระเบื้องปูพื้น กับกระเบื้องปูผนังต่างกันอย่างไร? แล้วใช้แทนกันได้มั้ย? เพราะถ้ามองดูแค่ภายนอกกระเบื้องทั้งสองแบบก็มีลักษณะที่คล้ายกันแบบแยกไม่ออกเลย
ถึงแม้กระเบื้องปูพื้น และกระเบื้องปูผนังจะมีลักษณะที่คล้ายกันมาก ๆ แต่กระเบื้องทั้งสองนั้น ไม่ควรนำมาใช้แทนกัน เนื่องจากคุณสมบัติของตัวกระเบื้องไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแรง น้ำหนัก หรือพื้นผิวของกระเบื้องทั้งสอง มีความต่างกัน และใช้ในวัตถุประสงค์ที่ต่างกันด้วย
กระเบื้องปูพื้นถูกออกแบบมาให้สามารถรับแรงกดทับได้ดี ตัวกระเบื้องจึงมีความหนาแน่นสูง ส่งผลให้มีน้ำหนักที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้เวลาเอาไปใช้แทนกระเบื้องผนัง จึงมีโอกาสสูงที่กระเบื้องปูพื้นจะไม่สามารถยึดเกาะได้ดีเนื่องจากน้ำหนักที่เยอะ
ในทางกลับกันการเอากระเบื้องผนังมาปูพื้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เนื่องจากกระเบื้องปูผนังถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักที่เบา เพื่อใช้ในการยึดเกาะผนัง และไม่ต้องการความแข็งแรงเหมือนกระเบื้องปูพื้น เพราะไม่ได้รับแรงกดทับ ส่งผลให้เวลาเอากระเบื้องผนังมาปูพื้น มีโอกาสสูงที่กระเบื้องจะแตก
วิธีดูแลกระเบื้องปูพื้นให้ใช้ได้นาน เหมือนวันแรกที่ปู
แน่นอนว่าหากเราลงทุนรีโนเวทพื้นบ้านด้วยการปูกระเบื้องใหม่ทั้งหมด สิ่งที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเมื่อเราลงทุนไปแล้ว เราก็คงอยากให้พื้นบ้านของเราสะอาด น่าดู และแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา โดยการดูแลพื้นบ้านนั้นไม่ยาก มีเพียงไม่กี่ขั้นตอนดังนี้
- ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ การทำความสะอาดเป็นประจำจะช่วยนำสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนแผ่นกระเบื้องออกไป และลดการเกิดคราบฝังลึกบนกระเบื้องปูพื้นอีกด้วย
- ใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับกระเบื้อง เนื่องจากกระเบื้องปูพื้นผ่านการใช้งานที่ค่อนข้างหนัก และอาจมีสิ่งสกปรกที่น้ำเปล่าอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอ จึงต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดกระเบื้อง แต่ควรเลือกน้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนไม่แรงมาก เพราะอาจจะทำให้กระเบื้องสึกกร่อนได้
- ใช้น้ำยาขัดเงาทุก ๆ 3-6 เดือน เพื่อให้พื้นดูแวววาว และช่วยป้องกันการขีดข่วนได้ระดับหนึ่ง เนื่องจากน้ำยาขัดเงาจะเข้าไปเคลือบบริเวณผิวกระเบื้องทำให้เหมือนมีฟิล์มบาง ๆ คลุมกระเบื้องอยู่นั่นเอง
วิธีการปูพื้นกระเบื้องด้วยตนเอง มีขั้นตอนง่าย ๆ อย่างไรบ้าง
การปูกระเบื้องนั้น นอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของกระเบื้องปูพื้น ราคาหลายบาท และอุปกรณ์ในการปูแล้ว การจ้างช่างปูกระเบื้องก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง หลายคนจึงอยากประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วยการปูกระเบื้องเอง โดยขั้นตอนการปูพื้นกระเบื้องด้วยตัวเองมีดังนี้
- เตรียมพื้นผิว โดยการทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการปูกระเบื้องให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นคราบน้ำมัน เศษดิน หรือฝุ่น เป็นต้น เพื่อทำให้การยึดเกาะของกระเบื้องปูพื้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- จัดวางกระเบื้องก่อนปูจริง ให้ลองนำกระเบื้องมาจัดวางก่อน 1 รอบเพื่อดูว่าขนาด และลวดลายเหมาะสมกับพื้นที่หรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาการปูไปแล้วไม่สวย หรือขนาดไม่ตรง
- ใช้เกรียงทาปูนซีเมนต์กาว ให้ปาดปูนซีเมนต์กาวลงบนพื้นจากนั้นให้นำเกรียงด้านที่เป็นหวี ปาดที่ซีเมนต์อีกรอบให้มีลักษณะเป็นคลื่น เพื่อช่วยให้กระเบื้องยึดติดดีขึ้น แล้ววางกระเบื้องปูพื้นบนปูนซีเมนต์กาวพร้อมกดให้แน่นจนครบ แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ลงยาแนว เมื่อปูนกาวแห้งสนิท ให้ผสมยาแนวแล้วลงระหว่างร่องกระเบื้องให้เต็ม เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างกระเบื้อง และป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกไปอุดตันบริเวณร่องกระเบื้อง หลังจากนั้นให้เช็ดทำความสะอาดยาแนวที่ล้นออกมาให้เรียบร้อย และรอให้ยาแนวแห้งสนิท
เลือกกระเบื้องปูพื้นให้ตอบโจทย์ เพื่อพื้นบ้านที่สวยงาม
กระเบื้องปูพื้นมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องเซรามิก, กระเบื้องแกรนิตโต้, กระเบื้องดินเผา หรือกระเบื้องแก้ว โดยแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป จึงเป็นหน้าที่ของผู้ที่ต้องการจะรีโนเวทพื้นบ้านที่จะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติ วิธีการปู รวมไปถึงวิธีการรักษากระเบื้องปูพื้นในแบบต่าง ๆ เพื่อให้พื้นบ้านของคุณสวยงาม ดูดี แล้วทำให้บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้น