หมอออกมาเตือน ช่วงอากาศเปลี่ยนให้ระวังโรคอุจจาระร่วง เพราะตลอดปีนี้ป่วยไปแล้วมากกว่า 700,000 ราย
เป็นการเปิดเผยข้อมูลของนพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาว อากาศที่เย็นชื้นทำให้เชื้อโรคหลายชนิดเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะเชื้อโนโรไวรัสและโรต้าไวรัส ซึ่งพบเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วงได้ในทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าวัยอื่น ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรค กองระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 26 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง จำนวน 707,717 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1,090.27 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีรายงานการเสียชีวิต โดยสถานที่พบการระบาดมากที่สุด คือ สถานศึกษา สำหรับผู้ที่มีอาการอุจจาระร่วง การดูแลเบื้องต้นให้ดื่มสารละลายเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันภาวะช็อกและเสียชีวิตจากการขาดน้ำและเกลือแร่ ไม่แนะนำให้ดื่มเกลือแร่สำหรับออกกำลังกาย (ORT) เพราะมีน้ำตาลปริมาณสูงจะดึงเอาน้ำเข้าสู่ทางเดินอาหารเพิ่มมากขึ้นทำให้ลำไส้บีบตัวและส่งผลให้เกิดอาการอุจจาระร่วงมากขึ้น หากไม่มีสารละลายเกลือแร่ (ORS) สามารถทำได้เองโดยผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือแกงครึ่งช้อนชา ละลายในน้ำสะอาด 750 ซีซี จิบทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่จากการถ่ายอุจจาระและอาเจียน ส่วนเด็กที่ดื่มนมแม่ให้ดื่มต่อได้โดยไม่ต้องหยุด นมผสมชงให้เจือจางลงจากเดิมสลับกับการดื่มสารละลายเกลือแร่ รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย เช่น น้ำแกง น้ำซุป หรือข้าวต้ม ไม่แนะนำให้กินยาหยุดถ่ายหรือยาปฏิชีวนะ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือถ่ายอุจจาระเหลวมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน ถ่ายอุจจาระเป็นมูกหรือมูกเลือด อาเจียนบ่อย ริมฝีปากแห้ง ปัสสาวะน้อยลงหรือปัสสาวะไม่ออก ไม่กินอาหาร น้ำ นม หรือกินได้น้อยลง ไข้สูง ชัก ซึมลง อ่อนเพลีย ตาลึกโหล หายใจหอบลึก ในเด็กเล็กอาจมีกระหม่อมบุ๋ม ควรรีบไปสถานพยาบาลทันที