รีวิวหนังดัง GRAN TURISMO : GT แกร่งทะลุไมล์
จากเกมเมอร์สู่นักแข่งรถมือโปร ใครจะไปคิดว่ามันจะเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว สร้างจากเรื่องจริงอันเหลือเชื่อของ Arche Nadekwe นักแข่งรถที่ไม่เคยขับรถแข่งจริงๆมาก่อน เขาเป็นม้านอกสายตาที่ถนัดชินเส้นทางก็เพราะเกม Gran Turismo แต่นั่นเป็นจุดแข็งของเขาที่หลายคนกลับมองข้ามมันไป
ผลงานการกำกับของ Neil Blomkamp ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานอย่าง DISTRICT 9 (2009), ELYSIUM (2013), และ CHAPPIE (2015) แม้จะเป็นหนังไซไฟเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่รับประกันได้เลยว่า GRAN TURISMO ต้องออกมาไม่ธรรมดาแน่นอน
พร้อมมือเขียนบทอย่าง Jason Hall, Zach Baylin, Alex Tse มารังสรรค์ผลงานอีกด้วย
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ Jann Mardenborough เกมเมอร์ที่ชื่นชอบเกมขับรถแข่ง Gran Turismo จนมีโอกาสเข้าไปในรายการ Reality ที่มีชื่อว่า GT Academy เพื่อคัดเลือกเซียนเกมมาขับรถแข่งจริง
หลังจากที่ Jann Mardenborough ชนะการแข่ง ก็หนีไม่พ้นคำครหานินทาจากคู่แข่งนักขับรถคนอื่นๆว่ามันจะไปได้ไกลสักแค่ไหน
โดยโครงการนี้ Danny Moore รับหน้าที่เป็นผู้คัดเลือกเซียนเกมเข้าสนามแข่งและก็ได้ Jack Salter อดีตนักแข่งรถเข้ามาทำหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ให้ เพราะในสนามเกมเราแพ้ก็แค่เริ่มเกมใหม่ แต่ในสนามแข่ง การแพ้หมายถึงอันตรายถึงแก่ชีวิต สร้างจากเรื่องจริงสุดเหลือเชื่อ แล้ว Jann จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคและกระแสวิพากษ์วิจารณ์เพื่อไปให้ถึงฝันได้สำเร็จหรือไม่
นักแสดงนำ
- Archie Madekwe รับบทเป็น Jann Mardenborough
- David Harbour รับบทเป็น Jack Salter
- Orlando Bloom รับบทเป็น Danny Moore
- Darren Barnet รับบทเป็น Matty Davis
- Josha Stradowski รับบทเป็น Nicholas Capa
- Djimon Hounsou รับบทเป็น Steve Mardenborough
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.หนังใช้ลูกเล่นจากเกม รวมทั้งรายละเอียดต่างๆจากเกม เช่น กราฟิก เสียง มุมกล้อง ตัวแบรนด์รถยนต์ การอัปเกรดรถก่อนลงแข่ง สอบใบขับขี่ หนังดึงประเด็นเหล่านี้มาเสริมในการเล่าเรื่องบนทางเส้นทางชีวิตของการเป็นนักแข่งรถให้สมจริงที่สุด จุดนี้เป็นความใส่ใจรายละเอียดที่ขอชื่นชม
2.หนังเดินเรื่องให้ดูง่าย แม้คนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนก็ดูเข้าใจ ตอบโจทย์คนเป็นคอหนังที่ไม่ใช่คอเกมได้ดี หนังนำพาคนดูไปรู้จักกับการผ่านด่านในโหมดต่างๆ ตั้งแต่การลงแข่งในสนามหลักใน GT Academy จนไปถึงการแข่งในสนามระดับนานาชาติ
3.หนังเรื่องนี้เน้นความสมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผ่านมุมกล้องที่ทำให้คนดูรู้สึกราวกับตัวเองกำลังเป็นนักขับรถแข่งในสนาม ถือว่าฝ่าย Production ใส่ใจในรายละเอียดและทำงานรอบคอบจริงๆ
4.เมื่อหนังเน้นความสมจริงที่สุดจึงแทบจะไม่มีการใช้ CGI หรือใช้ CGI ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ถือเป็นหนังของผู้กำกับ Neil Blomkamp ที่มี CGI น้อยที่สุดที่เขาเคยทำมา
5.จุดอ่อนของหนังเรื่องนี้คือบทของหนังดูธรรมดา พล็อตเรื่องก็เล่าเป็นเส้นตรง ทำให้หนังและตัวละครดูไม่น่าจดจำ แม้นักแสดงจะเล่นได้ดีแต่ก็ถูกดึงให้ดูจืดจาง แต่ดูเพลินได้ ครีเอเตอร์เชื่อว่าต้องมีคนชอบหนังแนวนี้อย่างแน่นอน ผู้กำกับเองก็พยายามใช้ลูกเล่นอยู่เป็นระยะเพื่อไม่ให้หนังรู้สึกน่าเบื่อเกินไป
6.หนังมอบ Service แฟนเกมเต็มที่ ใครที่เคยเล่นเกมจะอินกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยากเลย แล้วหนังก็ไม่ได้ยัดเยียดความเป็นเกมมากเกินไป คอหนังจึงยังตามดูรู้เรื่องได้อยู่ ไม่แน่ว่าพอดูหนังจบ...เราอาจจะอยากหาเกม Gran Turismo มาเล่นด้วยตัวเองเลย