อาถรรพ์ผีพระ วัดบ้านดอนเก่า
อาถรรพ์ผีพระ วัดบ้านดอนเก่า
ที่หมู่บ้านเล็กๆ ในภาคอีสาน มีวัดเก่าแก่ชื่อว่า "วัดบ้านดอนเก่า" ตั้งอยู่กลางป่าไผ่ บรรยากาศรอบๆ วัดเต็มไปด้วยความเงียบสงัด บางครั้งเสียงกระซิบของลมที่พัดผ่านใบไผ่ทำให้รู้สึกถึงความลี้ลับของสถานที่นี้ ชาวบ้านเล่าขานกันมาว่าที่วัดแห่งนี้มี "อาถรรพ์ผีพระ" ที่จะตามหลอกหลอนทุกคนที่กล้าบุกเข้าไปในวัดหลังพระอาทิตย์ตกดิน
ตำนานเล่าว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน พระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ "พระครูทอง" ได้เดินทางมาจำพรรษาที่วัดบ้านดอนเก่า ด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เขาเป็นพระที่เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรมและศึกษาคัมภีร์เก่าแก่ แต่วันหนึ่ง พระครูทองได้พบกับสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้
คืนหนึ่ง ขณะที่พระครูทองนั่งปฏิบัติธรรมในกุฏิ เขากลับรู้สึกถึงความผิดปกติในวัด เสียงกระซิบแผ่วเบาราวกับมีใครมาบอกบางสิ่ง เสียงนั้นมาจากภายในโบสถ์ที่ชำรุดมานานหลายปี พระครูทองได้ยินเสียงเรียกให้เข้าไปดู แต่เขากลับรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่เป็นมงคลและไม่กล้าเข้าไป
จนกระทั่งในคืนนั้น พระครูทองฝันเห็น "พระพุทธรูปเก่า" ในโบสถ์ที่แตกหักและเก่าแก่ มีแสงสว่างรอบๆ และในฝันนั้นพระพุทธรูปพูดกับเขาว่า "เจ้าจะต้องแก้ไขอาถรรพ์ที่ติดอยู่กับวัดนี้" เมื่อพระครูทองตื่นขึ้น เขารู้สึกถึงความกังวลและกลัวที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ไม่นานหลังจากนั้น พระครูทองหายตัวไปจากวัด โดยไม่มีใครทราบว่าเขาหายไปไหน และตั้งแต่นั้นมาวัดบ้านดอนเก่าก็เริ่มเป็นที่ร่ำลือในหมู่ชาวบ้าน ว่ามี "ผีพระ" ตามหลอกหลอนผู้ที่กล้าผ่านเข้ามาในเวลากลางคืน
เวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบัน ผู้คนในหมู่บ้านเริ่มเล่าต่อกันว่าในบางคืนจะเห็นเงาของพระภิกษุในชุดคลุมสีเหลืองเดินผ่านทางเดินของวัด ราวกับพระครูทองยังคงอยู่ที่นั่น รอคอยใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยเหลือวัดให้พ้นจากอาถรรพ์
วันหนึ่ง "ธนาคิณ" หนุ่มนักข่าวจากกรุงเทพฯ ได้ยินเรื่องราวนี้จากการพูดถึงในโซเชียลมีเดีย เขาจึงตัดสินใจเดินทางมาที่หมู่บ้าน เพื่อค้นหาความจริงของตำนานผีพระในวัดบ้านดอนเก่า
ธนาคิณเป็นนักข่าวที่สนใจในเรื่องราวลี้ลับและอาถรรพ์อยู่แล้ว เขาไม่เชื่อในเรื่องผีสาง แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้เขาตัดสินใจไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง ถึงแม้ชาวบ้านจะเตือนเขาหลายครั้งว่าอย่าเข้าไปที่วัดในเวลากลางคืน
หลังจากที่เดินทางมาถึงหมู่บ้าน ธนาคิณได้พบกับ "ป้าอ่อน" หญิงชราผู้เป็นเจ้าของร้านขายของชำในหมู่บ้าน ป้าอ่อนเล่าให้ฟังว่า "หลายคนเคยเข้าไปในวัดในตอนกลางคืน แต่ไม่มีใครกลับออกมาได้ทันเวลา พวกเขาบอกว่ามีบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้ พวกเขาได้ยินเสียงพระสวดมนต์ดังมาในอากาศ แต่ไม่เห็นพระเลย"
ธนาคิณไม่สนใจคำเตือน เขาเดินทางไปที่วัดบ้านดอนเก่าพร้อมกับกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์บันทึกเสียง
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเมื่อเขามาถึงวัด บ้านไม้เก่าที่เคยตั้งอยู่กลางป่าผ่านการเวลาจนเกือบพังลง วัดมีความเงียบสงัดเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่ง ธนาคิณตัดสินใจเดินเข้าไปในโบสถ์ที่ถูกทิ้งร้าง มันเต็มไปด้วยฝุ่นและเศษซากของพระพุทธรูปเก่าที่ถูกทำลาย
ทันใดนั้น เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นจากมุมมืดในโบสถ์ "ช่วยข้าด้วย... ข้าติดอยู่ที่นี่..." ธนาคิณสะดุ้งสุดตัว เขาหันไปมองรอบๆ ตัวแต่ไม่เห็นใคร
เสียงนั้นกลับดังขึ้นอีกครั้ง "เจ้าคือคนเดียวที่สามารถช่วยข้าได้... ช่วยข้าจากอาถรรพ์นี้..."
ธนาคิณตกใจและเกือบจะวิ่งหนีไป แต่ความอยากรู้ทำให้เขาตัดสินใจเดินตามเสียงนั้น เขาก้าวเข้าไปใกล้ๆ กับพระพุทธรูปเก่าที่ถูกทิ้งอยู่บนแท่น พื้นที่รอบๆ เริ่มสั่นสะเทือนเล็กน้อย และทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาของพระครูทองปรากฏขึ้น
"ข้าคือพระครูทอง..." เสียงนั้นดังขึ้นจากพระพุทธรูป "ข้าได้รับคำสาปจากการกระทำที่ผิดพลาดในอดีต ข้าติดอยู่ในที่นี่ตลอดกาล จนกว่าจะมีผู้มาช่วยแก้ไข"
ธนาคิณพยายามสงบจิตใจ เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดและความเศร้าในน้ำเสียงนั้น เขาตัดสินใจที่จะทำพิธีตามที่พระครูทองบอก
ด้วยการใช้คาถาที่เขาค้นคว้ามาจากตำราเก่า เขาเริ่มทำพิธีเพื่อขอให้พระครูทองได้รับการปลดปล่อย และในที่สุด... ความมืดในวัดก็เริ่มหายไป พระพุทธรูปที่เคยชำรุดเริ่มกลับมาสง่างามอีกครั้ง เสียงกระซิบบอกลา "ขอบคุณที่ช่วยข้า"
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อธนาคิณออกจากวัด เขาได้ยินจากชาวบ้านว่าไม่มีใครเคยเห็นผีพระหรือเสียงแปลกๆ ในวัดอีกต่อไป วัดบ้านดอนเก่ากลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
ธนาคิณกลับไปที่กรุงเทพฯ พร้อมกับประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน เขารู้ว่าในบางครั้ง ตำนานผีพระก็มีรากฐานจากความเชื่อและการกระทำในอดีตที่ยังคงหลอกหลอนผู้คนมาจนถึงปัจจุบัน...
ภาพถ่ายโดย Oleksandr P: https://www.pexels.com/th-th/photo/1929611/