ผลไม้เมืองร้อนที่ห้ามกินตอนท้องว่าง
เมืองไทยเป็นเมืองร้อนสามารถหาผลไม้ต่างๆทานได้อย่างง่ายดาย ซึ่งผลไม้เป็นทางเลือกหนึ่งที่คนรักสุขภาพนิยมทานกัน แต่ผลไม้บางชนิดไม่แนะนำให้ทานตอนท้องว่างเพราะแทนที่จะได้รับประโยชน์จากผลไม้กลายเป็นว่ากระเพาะอาหารอาจจะได้รับอันตรายแทน ตัวอย่างของผลไม้ยอดนิยมได้แก่
1.กล้วยหอม
หลายคนชอบรับประทานกล้วยหอมก่อนออกกำลังกาย เพราะให้พลังงาน วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ แต่ไม่แนะนำให้ทานกล้วยหอมตอนท้องว่าง เพราะในกล้วยหอมมีแมกนีเซียมสูง เมื่อทานตอนท้องว่างจะทำให้ระดับแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดภาวะไม่สมดุลของแร่ธาตุภายในร่างกาย ส่งผลเสียต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนี้ กล้วยหอมยังมีน้ำตาลสูง กระตุ้นให้กระเพาะหลั่งกรด ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก แน่นท้อง ย่อยยาก และในระยะยาวอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ แนะนำให้ทานกล้วยหอมหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง หรือทานร่วมกับอาหารอื่น ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อกระเพาะอาหาร
2.ผลไม้ตระกูลส้ม
ส้มเป็นผลไม้ที่หลายคนชอบโดยเฉพาะสาวๆเพราะส้มเป็นแหล่งวิตามินซีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ และทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ในส้มมีกรดซิตริกและกรดแอสคอร์บิกสูง เมื่อทานตอนท้องว่าง กรดจะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกแสบร้อนและปวดท้อง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นแผลในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาโรคกระเพาะ การทานส้มตอนท้องว่าง อาจทำให้แผลในกระเพาะมีอาการรุนแรงขึ้น แนะนำให้ทานส้มหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง
3.สับปะรด
สับปะรดผลไม้รสหวานอมเปรี้ยว เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่ไม่แนะนำให้ทานตอนท้องว่าง เพราะสับปะรดมีเอนไซม์ไบรมีเลน ซึ่งมีฤทธิ์ในการย่อยโปรตีน หลายคนแสบลิ้นก็เพราะเอนไซม์ตัวนี้ไปย่อยเนื้อเยื่อในปาก ดังนั้นถ้าทานสับปะรดตอนท้องว่าง จะทำให้เอนไซม์นี้ไปย่อยเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดการระคายเคือง เป็นแผล และนำไปสู่อาการต่างๆ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ แสบร้อนกลางอก ท้องเสีย ซึ่งเป็นอันตรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร แนะนำให้ทานสับปะรดหลังมื้ออาหารประมาณ 2-3 ชั่วโมง หั่นสับปะรดเป็นชิ้นเล็กๆ ตัดส่วนแกนแข็ง ๆ ออก และแช่ในน้ำเกลืออ่อนๆ ก่อนทาน เพื่อลดปริมาณเอนไซม์บรอมีเลน
4.ลิ้นจี่
ผลไม้รสชาติหวานอร่อย กินแล้วสดชื่น แต่ลิ้นจี่มีน้ำตาลสูง การทานลิ้นจี่ตอนท้องว่างจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย หรือแม้กระทั่งเป็นลมหมดสติ นอกจากนี้ น้ำตาลที่ได้จากการทานลิ้นจี่จะถูกย่อยสลายอย่างรวดเร็วในขณะท้องว่าง ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง และรู้สึกไม่สบาย แนะนำให้ทานลิ้นจี่หลังมื้ออาหาร เมื่อมีอาหารอยู่ในกระเพาะแล้ว