ความจนไม่เจอกับตัวไม่มีใครรู้
คนเกิดต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน คนที่บ้านรวยมีตังค์ก็สบายไปวันๆแทบจะไม่ได้ทำอะไร นอนตื่นก็สาย ตื่นมาก็จ้าวให้ให้กินพร้อม
ส่วนคนจน คนทีไม่มีอันจะกินก็ดิ้นรนกันไปทำแทบทุกอย่างที่ทำได้เพื่อที่จะทำให้ตัวเองครอบครัวอยู่รอด
ผมเองก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเงินร่ำรวยถึงขั้นเหลือกินเหลือใช้ชีวิดเกิดมาในครอบครัวที่จะเรียกได้ว่า จน ก็ว่าได้แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องอดมื้อกินมื้อ
แต่ด้วยฐานะทางครอบครัวเราไม่ได้ดีมีตังค์พอเริ่มโตแล้วก็ต้องออกมาทพงานหาเลี้ยงตัวเองครอบครัวถึงได้รู้ว่าความลำบากเป็นยังไงมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะใช้ชีวิตในโลกภายนอกโดยที่เราไม่มีต้นทุนเลย เชื่อว่าหลายคนก็เคยผ่านจุดนี้
จำได้เลยตอนนั้นผมผ่านความลำบากมากยังไงช่วงที่มาอยู่กรุงเทพฯแรกตอนนั้นไม่มีตังค์แม้กะทั้งจะซื้อน้ำดื่ม ต้องเอาขวดน้ำที่มีไปกรอกน้ำที่ก็อกซิงค์ล้างจานแล้วเอามาแช่ในตู้เย็นที่ทำงาน ดีทีเจ้านายให้ข้าวกินฟรีตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้มองย้อนกลับไป มันทำให้มีแรงหึดสู้ว่าเราก็ผ่านมาได้ตลอดถึงแม้ตอนนี้เราจะไม่มีถึงจั้นรวยก็เหอะ
อย่างดาราตลกท่านแถวหน้าหนึ่งที่เขารวยมากเขาก็ได้เล่าว่าชีวิตเขาเคยผ่านความลำบากมากมาย “หม่ำ จ๊กมก” ได้เล่าถึงชีวิตเคยลำบากมาก่อนว่า…
- ในวัยเด็กเป็นคนกล้าแสดงออก และจะโดนตีทุกครั้งเพราะซน บางทีก็เอากระดานดำไปซ่อน ไม่อยากเรียนวิชานี้ แบกกระดานดำออกจากห้องไม่ให้ครูเขียน จะได้ไม่ต้องเรียนวิชานี้”
- เงิน 1,000 บาทได้ค่าตัวมา 300 ก็ต้องซื้อข้าวมาตุนเอาไว้ ซื้อปลากระป๋องมาตุนเอาไว้ ค่าเช่าเดือนละ 450 บางเดือนก็ไม่มีจ่ายเขา แล้วเมียก็ท้องอ่อน ๆ
- เคยกินข้าวกับน้ำปลา ผ่านกินข้าวกับพริกป่นกับเกลือมาแล้ว
ลองคิดดูว่าตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ เขามีทุกอย่างได้เขาก็เคยผ่านอะไรมามากมายเขาก็เคยเป็นคนจนเหมือนกัน ณตอนนี้ที่เรามีอยู่ถ้าเทียบกันกับเมื่อก่อนที่เรามองย้อนกลับไปแล้ว มันให้เราใจฟูเพราะเราก็เป็นคนเก่งคนหนึ่งที่สามารถผ่านทุกอย่างมาได้จนถึงทุกวันนี้
ทำทุกวันของเราให้มีความสุข ให้พลังบวกกับตัวเองเยอะ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือกำลังใจจากคนรอบข้างโดยเฉพาะคนในครอบครัวแล้วเราก็จะมีแรงสู้ต่อไป