‘กินหวาน กินแป้ง’ มากไป เสี่ยงหน้า ผิว แก่ก่อนวัย
โพสท์โดย sompeansomped
ทำไมกินหวานแล้วทำให้ผิวแก่ลง
การกินของหวานในปริมาณทมากเป็นประจำ ส่งผลให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ก่อให้เกิดปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation) เป็นสาเหตุของผิวแก่ก่อนวัยอันควร เพราะโมเลกุลของน้ำตาลที่กินไปเข้าไปเกาะติดกับโปรตีน ที่เป็นส่วนประกอบหลักของอวัยวะรวมถึงเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกาย ทำให้เกิดสารที่เรียกว่า AGEs (Advanced Glycation End-Products) เมื่อสารตัวนี้ผ่านเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายจะส่งผลให้เซลล์บริเวณนั้นตาย หรือเสื่อมสมรรถภาพในการทำงานลง ทำให้เกิดภาวะเครียดทางออกซิเดชัน (Oxidative Stress) และการอักเสบ ซึ่งนำไปสู่โรคต่าง ๆ อย่างเช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคอัลไซเมอร์
สาร AGEs กับผลกระทบต่อร่างกาย
- ผลกระทบด้านผิวพรรณ จะทำลายโครงสร้างของคอลลาเจนและอีลาสติน ผิวขาดความยืดหยุ่น เกิดจุดด่างดำหน้าหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยผิวเหี่ยวก่อนวัย
- ผลกระทบด้านสุขภาพ มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคตับ โรคความดันโลหิตสูง โรคอัลไซเมอร์ และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
เคล็บลับชะลอวัย ต้านผิวแก่ก่อนวัยจาก AGEs
- เลือกดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน น้ำทำหน้าที่ในการกำจัดของเสียออกจากร่างกายและอีกทั้งยังให้ความชุ่มชื้นแก่เซลล์ โดยปกติเราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้วขึ้นไป การดื่มน้ำน้อยนอกจากจะทำให้ผิวไม่สดใสแล้วยังส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานหนักอีกด้วย
- รับประทานผลไม้สดแทนขนมหวาน ผลไม้นั้นมีวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย ผลไม้ที่มีรสหวานจากฟรักโทส และกลูโคส สามารถช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นโดยที่ไม่ต้องรับน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป
- เลือกชนิดของขนมหวานที่จะรับประทาน แนะนำให้เลือกชนิดของอาหารที่จะนำมาประกอบเป็นของหวาน อย่างเช่น น้ำแข็งไส ควรทานควบคู่กับธัญพืชที่มีใยอาหารสูง อย่าง ลูกเดือย ถั่วแดง ถั่วเขียว ข้าวโพด เป็นต้น ใยอาหารมีส่วนช่วยในการชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้อิ่มท้องนาน ลดความอยากของหวานและลดความอ้วนได้ดี
- หลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณการเติมน้ำตาลลงในอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ว่าเป็นน้ำตาลทราย น้ำตาลทรายแดง น้ำผึ้ง ไซรัป หรือน้ำตาลที่สกัดจากข้าวโพด เป็นต้น ควรจำกัดปริมาณการกินขนมหวานในปริมาณที่พอดี
- บ้วนปากทุกครั้งหลังทานของหวาน เนื่องจากความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงความหวานจากต่อมรับรสชาติภายในช่องปากจะส่งผลให้เกิดความอยากอาหาร และยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ฟันผุ เพราะแบคทีเรียที่ยังคงเหลืออยู่หลังจากทานอาหารจะทำลายผิวเคลือบฟัน
- อ่านฉลากโภชนาข้างบรรจุภัณฑ์ หากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีน้ำตาลมากกว่า 15 กรัม (3ช้อนชา) ก็ควรหลีกเลี่ยง
- ให้เวลาร่างกายในการปรับตัว ร่างกายของเราจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ในการปรับสภาพลิ้นที่ติดรสชาติอาหารหวาน ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปก็จะทำให้ความต้องการน้ำตาลลดลง
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านการแปรรูปอย่างหนัก รวมถึงอาหารที่ปรุงสุกด้วยการทอด เพราะมีปริมาณของสารเร่งแก่หรือ AGEs ค่อนข้างสูง หันมากินอาหารประเภทโฮลฟู้ดส์ (Whole Foods) ซึ่งเป็นอาหารผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุดแทน
- เลือกกินอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาในห้องทดลอง พบว่า สารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ อย่างเช่น วิตามินซี และเควอเซทิน ที่สามารถขัดขวางการสร้าง AGEs ได้
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
นางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจ"ฟิล์มแรปหลอมในอาหาร อันตรายหรือไม่? คำตอบจากบริษัทดัง!"ผีป่าอาถรรพ์:"ผีป่าทมิฬ"หนุ่ม"สัมภาษณ์งานออนไลน์"ไม่ได้งาน แถมเสียเงินแสน!ศาล ICC ออกหมายจับ ผู้นำอิสราเอลแล้วปริศนาในภาพเขียน Salvator Mundi โดย Leonardo da Vinciแม้รวยเท่าใดอย่างไรก้ต้องเกิดตายไม่สิ้นสุด จะหยุดได้ก็เพียงด้วยยอดแห่งบุญ"ตารางลดน้ำหนัก" ฉบับกินยังไงก็ผอมวันนี้เป็นต้นไป ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อ ขึ้นสะพานข้ามแยก 24 แห่งรัสเซียเปิดฉากยิงขีปนาวุธเทพใส่ยูเครนแล้ว5x4 เทคนิคเลือกกุ้งสด + เคล็ดลับทำกุ้งเด้งกรอบง่ายๆตำรวจ ตามรวบจนครบ 3 โจ๋เหิมเกริม ใช้มีดฟันคู่อริ กลางสถานี BTSHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ลิลลี่ เหงียน" สวนกลับ "ปู มัณฑนา"..อย่าลืมเอาเงินมาคืนกะxsี่ผู้มีพระคุณด้วยเงินดิจิทัลเฟส 3 คนทั่วไป เงินเข้าเมื่อไหร่ ได้เงินสดไหม วิธีเช็กสถานะทางรัฐอีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"ผีป่าอาถรรพ์:"ผีป่าทมิฬ"