ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ผลไม้ 3 ขนิดต่อไปนี้ ไม่ควรรับประทานตอนท้องว่าง พร้อมเหตุผล
เป็นที่รู้กันดีว่า การรับประทานผลไม้นั้นมีประโยชน์กับร่างกายหลายอย่าง ให้ทั้งวิตามินและกากใยอาหาร แต่การรับประทายผลไม้ให้ได้ประโยชน์กับร่างกายนั้น การเลือกเวลารับประทานก็มีผลเช่นกัน ในวันนี้จะขอพูดถึงผลไม้ 3 ชนิด ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรรับประทานตอนท้องว่าง พร้อมเหตุผล อันได้แก่
1. ส้ม โดยส้มเป็นแหล่งวิตามินซี ช่วยเพิ่มความต้านทาน อย่างไรก็ตาม การรับประทานส้มตอนท้องว่าง จะทำให้กระเพาะได้รับกรดมากเกินไป ส้มมีกรดซิตริกและกรดแอสคอร์บิกจำนวนมาก เมื่อรับประทานตอนหิว กรดเหล่านี้จะระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการเสียดท้อง แสบร้อน ปวดท้อง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น สำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะควรหลีกเลี่ยงการรับประทานส้มเมื่อหิว เนื่องจากกรดในส้มอาจทำให้แผลแย่ลง ทำให้เกิดอาการปวดและไม่สบายตัว ดังนั้นควรกินส้มหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง จำกัดการรับประทานส้มในตอนเย็น
2. สับปะรด โดยสับปะรดมีโบรมีเลนซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สลายโปรตีน การรับประทานสับปะรดเมื่อหิว จะทำให้โบรมีเลนโจมตีเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดความเสียหายและเป็นแผล ซึ่งทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ แสบร้อนกลางอก ท้องร่วง เป็นอันตรายอย่างยิ่งกับผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร และผู้ที่มีระบบย่อยอาหารไม่ดี เราจึงควรรับประทานสับปะรดหลังทานอาหารประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงที่อาหารถูกย่อยบางส่วนแล้ว ควรหั่นสับปะรดเป็นชิ้นเล็กๆ แกะแกนแข็งออก แล้วแช่ในน้ำเกลือเจือจางก่อนรับประทาน เพื่อลดปริมาณโบรมีเลน หากต้องการเสริมวิตามินซี ก็สามารถทดแทนสับปะรดด้วยผลไม้อื่น ๆ เช่น ส้ม เกรปฟรุต กีวี แต่ควรรับประทานหลังมื้ออาหารด้วยเช่นเดียวกัน
3. กล้วย โดยกล้วยเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ให้พลังงาน วิตามิน และแร่ธาตุ อย่างไรก็ตาม การกินกล้วยตอนหิว ถือเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรง กล้วยมีแมกนีเซียมในปริมาณสูง เมื่อรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง แมกนีเซียมจะเพิ่มในเลือดกะทันหัน ทำให้แร่ธาตุไม่สมดุล ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ นอกจากนี้ กล้วยยังมีน้ำตาลจำนวนมาก ซึ่งไปกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งกรด ทำให้เกิดอาการเสียดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย และเมื่อเวลาผ่านไป อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นควรรับประทานกล้วยหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง หรือใช้ร่วมกับอาหารอื่น ๆ เพื่อลดผลเสียต่อกระเพาะอาหาร . . .
รู้แบบนี้แล้ว เลือกเวลารับประทานให้ถูกกันด้วยนะครับ