หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ผลไม้ 3 ขนิดต่อไปนี้ ไม่ควรรับประทานตอนท้องว่าง พร้อมเหตุผล

โพสท์โดย teerap

    เป็นที่รู้กันดีว่า การรับประทานผลไม้นั้นมีประโยชน์กับร่างกายหลายอย่าง ให้ทั้งวิตามินและกากใยอาหาร แต่การรับประทายผลไม้ให้ได้ประโยชน์กับร่างกายนั้น การเลือกเวลารับประทานก็มีผลเช่นกัน ในวันนี้จะขอพูดถึงผลไม้ 3 ชนิด ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรรับประทานตอนท้องว่าง พร้อมเหตุผล อันได้แก่  1. ส้ม โดยส้มเป็นแหล่งวิตามินซี ช่วยเพิ่มความต้านทาน อย่างไรก็ตาม การรับประทานส้มตอนท้องว่าง จะทำให้กระเพาะได้รับกรดมากเกินไป ส้มมีกรดซิตริกและกรดแอสคอร์บิกจำนวนมาก เมื่อรับประทานตอนหิว กรดเหล่านี้จะระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการเสียดท้อง แสบร้อน ปวดท้อง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น สำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะควรหลีกเลี่ยงการรับประทานส้มเมื่อหิว เนื่องจากกรดในส้มอาจทำให้แผลแย่ลง ทำให้เกิดอาการปวดและไม่สบายตัว ดังนั้นควรกินส้มหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง จำกัดการรับประทานส้มในตอนเย็น  2. สับปะรด โดยสับปะรดมีโบรมีเลนซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สลายโปรตีน การรับประทานสับปะรดเมื่อหิว จะทำให้โบรมีเลนโจมตีเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดความเสียหายและเป็นแผล ซึ่งทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ แสบร้อนกลางอก ท้องร่วง เป็นอันตรายอย่างยิ่งกับผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร และผู้ที่มีระบบย่อยอาหารไม่ดี เราจึงควรรับประทานสับปะรดหลังทานอาหารประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงที่อาหารถูกย่อยบางส่วนแล้ว ควรหั่นสับปะรดเป็นชิ้นเล็กๆ แกะแกนแข็งออก แล้วแช่ในน้ำเกลือเจือจางก่อนรับประทาน เพื่อลดปริมาณโบรมีเลน หากต้องการเสริมวิตามินซี ก็สามารถทดแทนสับปะรดด้วยผลไม้อื่น ๆ เช่น ส้ม เกรปฟรุต กีวี แต่ควรรับประทานหลังมื้ออาหารด้วยเช่นเดียวกัน  3. กล้วย โดยกล้วยเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ให้พลังงาน วิตามิน และแร่ธาตุ อย่างไรก็ตาม การกินกล้วยตอนหิว ถือเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรง กล้วยมีแมกนีเซียมในปริมาณสูง เมื่อรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง แมกนีเซียมจะเพิ่มในเลือดกะทันหัน ทำให้แร่ธาตุไม่สมดุล ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ นอกจากนี้ กล้วยยังมีน้ำตาลจำนวนมาก ซึ่งไปกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งกรด ทำให้เกิดอาการเสียดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย และเมื่อเวลาผ่านไป อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นควรรับประทานกล้วยหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง หรือใช้ร่วมกับอาหารอื่น ๆ เพื่อลดผลเสียต่อกระเพาะอาหาร . . . รู้แบบนี้แล้ว เลือกเวลารับประทานให้ถูกกันด้วยนะครับ

เนื้อหาโดย: teerap
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
teerap's profile


โพสท์โดย: teerap
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: teerap
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เปิดเผยความลับของกระเป๋าจิ๋วในกางเกงยีนส์ ว่ามีไว้ทำไม หากใครตอบว่าใช้ใส่เหรียญ บอกเลยว่าผิดเลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.24" งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567ตำรวจแจง ทำสุดความสามารถแล้ว ในการตามหาตัวผู้ต้องหา คดีตากใบ มาลงโทษ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เจ้ไฝกลับลำ!! ไม่ได้จะเลิกขาย แค่คิดอยู่ในใจเท่านั้น ยินดีต้อนรับหากนายกจะไปกิน 😂อัปเดตล่าสุด เงินดิจิทัล เฟส 2 คนทั่วไปจ่ายเมื่อไหร่?"ทนายตั้ม" สวนกลับ "เจ๊หนึ่ง บางปู" ปม 10 ล้าน ยัน ทำงานคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ลอร์ดโวลเดอมอร์ เขาดูเหมือนศพมากกว่า ร่างของดัมเบิลดอร์เสียอีกบิ๊กต่าย สั่งโอนคดี "ทนายตั้ม" โกง 71 ล้าน สู่กองปราบฯ ชี้คดีซับซ้อน พัวพันหลายบุคคลหัวใจอ่อนแอ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ! ศัลยแพทย์ชี้สัญญาณเตือนภัยเสพติดหนังโป๊ สัญญาณอันตราย! ถึงเวลา "ปรับ" ก่อนสายเกินแก้
ตั้งกระทู้ใหม่