มนตราวายสะ ตอนที่ 14 โตขึ้นฉันอยากเป็น... (3)
+++++++++
“ทำไม...” นายบรรจงถามขึ้นอย่างงง ๆ เลยถูกคนเป็นภรรยามองค้อน “ไม่รู้เรื่อง นิ้วนี้เขาเอาไว้ใส่แหวนหมั้นอะไรพวกนี้เข้าใจไหม” นางบอกสามีแล้ว เลิกคิ้วอย่างคนที่เพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปถามลูกสาว “ว่าแต่นี่แกมีแฟนหรือยัง”
“ไม่มีหรอกค่ะ หนูอยากตั้งใจเรียนให้เกรดดี ๆ คนให้ทุนเขาจะได้ไม่ผิดหวัง” สกุณาตอบกลับอย่างไม่เสียเวลาคิด ไม่ได้โกหกแต่มันคือเรื่องจริง
“เรียนไปมีแฟนไปมันจะเป็นอะไร ถ้าแฟนรวย ๆ นะมึงสบายเลย ถ้าคนให้ทุนไม่ให้แล้ว มึงก็แต่งงานไปอยู่บ้านแฟนแบบสบาย ๆ” นายบรรจงเอ่ยเสริมขึ้นพร้อมกับวางแผนอนาคตของลูกสาวเอาไว้เสร็จสรรพ
“หนูเพิ่งอยู่ม.ต้นเองนะคะ พ่อคิดไปถึงไหนเนี่ย เมื่อก่อนยังบอกเลยว่าเด็กอยู่อย่าเพิ่งมีแฟน”
“ถ้าแฟนรวยก็ไม่เป็นไรไง” นายบรรจงบอกเสียงกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ตรรกะอะไรของพ่อเนี่ย ไปอ่านหนังสือดีกว่า” สกุณาบอกก่อนจะถือจานลูกชิ้นที่ถูกกินหมดแล้วเข้าไปไว้ในห้องครัว จากนั้นก็ปลีกตัวขึ้นห้องไป
“ทำเป็นรับไม่ได้ อยู่ให้รอดถึงเรียนจบก็แล้วกัน ถ้าที่บ้านจนกูไม่รับเป็นลูกเขยนะโว้ย” นายบรรจงตะโกนตามหลังลูกสาว แม้น้ำเสียงจะฟังดูไม่จริงจัง หากแต่ในใจนั้นกลับจริงจังเสียยิ่งกว่าจริงจัง
“นี่ก็คิดไปไกลเหมือนลูกมันว่าจริง ๆ นั่นแหละ” นางทิพย์วรรณมองค้อน
“หรือมึงอยากได้ลูกเขยจน ๆ มาช่วยกันกัดก้อนเกลือกิน” นายบรรจงถามคนเป็นภรรยาที่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร แย้งตนทุกเรื่อง
“รวยก็ดีกว่าจนอยู่แล้วไหมวะ”
“ก็นั่นสิ แล้วมึงจะมาขัดความฝันของกูทำไม” นายบรรจงบอกอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหยิบเสื้อตัวที่ตัวเองเพิ่งถอดเอาไว้ขึ้น แล้วล้วงหยิบกระดาษบางอย่างออกมาดู
“เอ้อ ๆ มึงอยากฝันอะไรก็ฝันไป กูขอไปเอาเงินค่าหวยก่อน นังบลแชทมาบอกแล้วว่าให้ไปเอา” แม้เงินจะน้อยนิดแต่ก็ดีกว่าไม่ได้ เมื่อเจ้ามือบอกให้ไปรับก็ต้องรีบไปกันหน่อย
“ไปไหนก็ไปเถอะ เงินแค่ไม่กี่ร้อย นี่เงินหมื่นเงินแสนอยู่ที่นี่” นายบรรจงสะบัดโพยบอลในมืออย่างหมายมาด เห็นแล้วนางทิพย์วรรณก็ได้แต่เบ้ปากให้กับความขี้โม้ของสามี แต่ก็ไม่อยากขัดลาภ จึงอวยพรมันเสียหน่อยเผื่อจะโชคดี “เอ้อ ให้มันได้สมพรปากมึงเถอะ” ก่อนจะเดินออกไปบ้านเจ้ามือหวยที่อยู่อีกซอย
นายบรรจงเองที่ลงโพยเสร็จก็ออกไปข้างนอกเช่นกัน
ส่วนสกุณาที่อยู่บ้านคนเดียวจนชินก็อ่านหนังสืออย่างที่ชอบทำเป็นปกติ ทว่าวันนี้เธอกลับรู้สึกคิดถึงเจ้าไฟขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จึงได้แต่หยิบกล่องที่มันเคยอาศัยขึ้นมาดู เธอเคยคิดว่าอยากจะหาสัตว์สักตัวมาเลี้ยงเพื่อทดแทนมัน แต่ก็ทำไม่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะพ่อแม่ของเธอไม่ยอม พวกท่านแทบจะเกลียดสัตว์ทุกชนิด
“เจ้ายังมีชีวิตอยู่ไหมนะ ถ้ามีเราจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า” ว่าแล้วก็ถอนหายใจ เดินเอาหนังสือที่อ่านค้างไว้เก็บเข้าชั้น ก่อนจะออกจากบ้าน ไปเดินเล่นที่สนามเด็กเล่นแล้วทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ไม้ เงยหน้าขึ้นมองเหล่าฝูงนกที่บินผ่านไปมาอย่างที่ชอบทำบ่อย ๆ และเธอก็มักทำจนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว เผื่อว่าจะเจอเจ้าไฟบินผ่านมา แต่สุดท้ายก็ไม่เคยได้เจอสักครั้ง
“นก มาทำอะไรน่ะ” เสียงทักที่แสนจะคุ้นเคยทำให้สกุณาละสายตาจากฝูงนกที่บินเหินอยู่บนท้องฟ้าหันมามองแล้วเปิดยิ้มทักเพื่อนร่วมชั้น “อ้าวขวัญ แกมาล่ะมาทำอะไร” สกุณามองเลยไปก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาแค่คนเดียว “พาน้องมาเล่นเหรอ”