แบ่งเวลายังไงให้เรียนดีและยังมีเวลาทำสิ่งที่ชอบ
เพื่อน ๆ เคยรู้สึกไหมว่าเวลาในแต่ละวันช่างน้อยเกินไป เรียนก็ต้องทำ งานบ้านก็ต้องช่วย แล้วยังอยากมีเวลาทำสิ่งที่ชอบอีก? ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่นักเรียนมัธยมหลายคนเจอกันครับ แต่ถ้ารู้จักการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เราจะสามารถทำทุกอย่างได้ครบโดยไม่ต้องเหนื่อยจนเกินไป มาดูกันว่าเคล็ดลับการแบ่งเวลาที่ช่วยให้เรียนดีและยังมีเวลาสนุกกับสิ่งที่รักทำยังไงกันบ้างครับ!
1. ตั้งเป้าหมายในแต่ละวัน
เริ่มต้นด้วยการเขียนสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันลงในสมุดหรือแอปพลิเคชัน เช่น To-Do List โดยจัดลำดับความสำคัญจากสิ่งที่ต้องทำด่วนที่สุดไปจนถึงสิ่งที่สามารถเลื่อนได้ การตั้งเป้าหมายช่วยให้เรามีความชัดเจนในการใช้เวลา และยังช่วยป้องกันการลืมสิ่งสำคัญอีกด้วย
2. ใช้เทคนิค Pomodoro เพื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
เทคนิค Pomodoro เป็นการแบ่งเวลาเรียนเป็นช่วง ๆ เช่น เรียน 25 นาที แล้วพัก 5 นาที หรือถ้าต้องการเน้นหนัก ลองปรับเป็นเรียน 50 นาที พัก 10 นาที การพักระหว่างการเรียนช่วยให้สมองรีเซ็ตและพร้อมรับข้อมูลใหม่ได้ดียิ่งขึ้น แถมยังเป็นโอกาสให้เรายืดเส้นยืดสายหรือทำสิ่งที่ชอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างพัก
3. จัดสรรเวลาแบบ Block Schedule
การจัดเวลาแบบ Block Schedule คือการแบ่งเวลาในแต่ละวันออกเป็นบล็อก เช่น ช่วงเช้า (08:00-12:00) สำหรับการเรียน ช่วงบ่าย (13:00-15:00) ทำงานบ้านหรือทำการบ้าน และช่วงเย็น (16:00-18:00) ทำกิจกรรมที่ชอบ การวางแผนแบบนี้ช่วยให้เราโฟกัสกับกิจกรรมหนึ่ง ๆ ได้เต็มที่และลดความรู้สึกรีบเร่ง
4. ตัดสิ่งรบกวนออก
สิ่งรบกวน เช่น การแจ้งเตือนบนโทรศัพท์หรือเสียงจากโซเชียลมีเดีย มักทำให้เราเสียเวลามากกว่าที่คิด ลองตั้งโหมดไม่รบกวน (Do Not Disturb) หรือปิดโทรศัพท์ขณะทำสิ่งสำคัญ การลดสิ่งรบกวนช่วยให้เรามีเวลาว่างเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
5. ผสมผสานสิ่งที่ชอบเข้ากับการเรียน
บางครั้งการเรียนและสิ่งที่ชอบสามารถไปด้วยกันได้ เช่น ถ้าชอบฟังเพลง ลองหาเพลงบรรเลงเพื่อช่วยสร้างสมาธิขณะอ่านหนังสือ หรือถ้าชอบวาดรูป อาจใช้การจดเลคเชอร์แบบ Doodle Notes ที่ช่วยทั้งจำเนื้อหาและทำสิ่งที่เรารักไปพร้อม ๆ กัน
6. ให้รางวัลตัวเองเมื่อทำสำเร็จ
การให้รางวัลตัวเอง เช่น ดูซีรีส์ตอนโปรดหลังทำการบ้านเสร็จ หรือออกไปเดินเล่นหลังอ่านหนังสือครบตามเป้าหมาย จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้เราทำงานสำเร็จได้เร็วขึ้น รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ยังช่วยเติมพลังใจในวันที่เหนื่อยล้าอีกด้วย
7. เรียนรู้ที่จะปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ
บางครั้งเราต้องกล้าที่จะปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญ เช่น งานกิจกรรมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของเรา หรือการนัดเจอเพื่อนในวันที่เรามีงานสำคัญ หากเราเลือกทำเฉพาะสิ่งที่มีคุณค่าและตอบโจทย์เป้าหมาย เราจะมีเวลาสำหรับสิ่งที่ชอบเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
8. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับให้เพียงพอเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะร่างกายและสมองต้องการเวลาฟื้นฟูเพื่อให้เรามีพลังสำหรับวันถัดไป ลองจัดเวลานอนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน แล้วเพื่อน ๆ จะพบว่าการบริหารเวลาในแต่ละวันทำได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
9. สะท้อนผลการจัดเวลาของตัวเอง
ทุกสิ้นวัน ลองใช้เวลา 5-10 นาที สะท้อนว่าการจัดเวลาในวันนี้เวิร์กหรือไม่ สิ่งไหนที่ใช้ได้ผล และสิ่งไหนที่ควรปรับปรุง การวิเคราะห์แบบนี้จะช่วยให้เราเรียนรู้การจัดเวลาได้ดีขึ้นในระยะยาว
การแบ่งเวลาให้เรียนดีและยังมีเวลาทำสิ่งที่ชอบไม่ใช่เรื่องยากเกินไปครับ แค่เริ่มต้นจากการวางแผนที่เหมาะสมและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของตัวเอง ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ดู แล้วเพื่อน ๆ จะพบว่าเราสามารถสร้างสมดุลระหว่างการเรียนและความสุขได้อย่างลงตัวครับ!