มนตราวายสะ ตอนที่ 14 โตขึ้นฉันอยากเป็น... (2)
+++++++++
“นี่มึง...” ในขณะที่นางทิพย์วรรณกำลังลุกขึ้นจะเอาเรื่องสามี สกุณาที่เอาของกินไปแกะใส่จานก็รีบร้องปรามตั้งแต่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัว “หยุดทะเลาะกันได้แล้วค่ะ ของกินมาแล้ว กินค่ะจะได้ใจเย็น ๆ” เด็กสาววางจานของกินที่เป็นของว่าง ทั้งยำ ลูกชิ้น ปลาหมึกย่างแล้วเอาซ่อมยัดใส่มือท่านทั้งสอง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปเอาน้ำมาไว้ดื่ม และมานั่งลงข้าง ๆ คนเป็นแม่
“แล้วทุนเนี่ยเขาจะส่งมึงจบสูง ๆ จริงเหรอ” นางทิพย์วรรณที่ใจเย็นลงถามลูกสาวเรื่องเรียนต่ออีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ แม้ครั้งหนึ่งครูสุนิสาจะบอกเรื่องเอาไว้แล้ว แต่นางก็กลัวว่านานไปเผื่อคนให้ทุนนั้นจะเปลี่ยนใจ
“ครูสาบอกว่าอย่างนั้นนะคะ”
“มึงอยากเรียนอะไรล่ะ” ว่าแล้วนางก็ถามในสิ่งที่ตนเองไม่เคยคิดจะถามลูกสาวคนนี้เลย
“สัตวแพทย์ค่ะ” สกุณาตอบอย่างไม่ลังเล
“มึงนี่มันชอบสิงสาราสัตว์เกินไปหรือเปล่า คนอื่นเขาเรียนมารักษาคน มึงดันอยากเรียนเพื่อมารักษาสัตว์” นางบ่นอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเพราะแม้แต่อีกาลูกสาวของนางก็ยังอยากจะช่วย
“ก็มันน่ารักนี่คะ” สกุณายิ้มบาง ๆ ก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อยแล้วมองเหม่อออกไป ไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าไฟจะเป็นยังไงบ้าง มีชีวิตอยู่กับครอบครัว หรือโดนทำร้ายจนเสียชีวิตไปแล้วกันนะ ตั้งแต่มันหนีไปทุกครั้งที่เห็นอีกาหรือว่านกบินผ่านมักจะยืนมองเสมอ เผื่อสักวันจะได้เจอกันอีกครั้ง แต่ก็เหมือนจะไม่มีหวังเลย
“แต่ถ้าเขาไม่ให้ทุนต่อ กูก็ไม่มีปัญญาส่งมึงเรียนต่อหรอกนะ จบหกก็ไปหางานทำเลย” นางทิพย์วรรณออกตัวเอาไว้ก่อน ลูกสาวจะได้เตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
“ถ้าเป็นแบบนั้น เดี๋ยวนกหาเงินเรียนเองก็ได้ค่ะ”
“เรียนหมอเนี่ยนะ” นายบรรจงแย้งขึ้น เหมือนจะเคยได้ยินว่าเรียนหมอต้องใช้เงินเยอะมากกว่าเรียนอย่างอื่นด้วยซ้ำ
“คงไม่ค่ะ ถ้าทำงานไปเรียนไปก็คงหาเรียนมหาลัยใช้เงินน้อย ๆ และคณะที่คิดว่าจบแล้วจะหางานได้ง่าย ๆ ค่ะ” สกุณาบอกอย่างคนที่ทำใจไว้ในระดับหนึ่งแล้ว
“ตามใจ” นางทิพย์วรรณพยักหน้า จิ้มลูกชิ้นใส่ปาก แล้วขมวดคิ้วเมื่อเหลือบไปเห็นรอยบนนิ้วนางข้างซ้ายของลูกสาว “แล้วนิ้วไปเปื้อนอะไรน่ะ”
สกุณามองตามสายตาของคนเป็นแม่แล้ววางช้อน ยกมันขึ้นมาถู ก่อนจะส่ายหน้า “มันเป็นรอยอะไรก็ไม่รู้ค่ะ ล้างแล้วก็ไม่ออก” เด็กสาวบ่นไปก็ลองเอานิ้วถูวนไปอีกครั้งเผื่อมันจะออก แต่ก็ไร้ผล เพราะตอนที่สังเกตเห็นเธอลองเอาทั้งสบู่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจานขัดแล้วก็ขัดไม่ออก จึงมั่นใจว่ามันไม่ใช่รอยเปื้อน แต่เป็นรอยอะไรเธอก็ไม่รู้ เกิดขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้เช่นกัน
“หรือมึงแอบไปสักรูปแหวนมา” นางทิพย์วรรณตั้งข้อสันนิษฐาน เพราะมันคล้ายแหวนก็จริงแต่ตรงรอยมันไม่ได้เป็นเส้นโค้งเรียบ ๆ ทว่ามันมีเส้นแตกแขนงออกไป อารมณ์รูปทรงคล้าย ๆ เงาแหวนที่ถูกทอจากพวกดอกไม้ดอกหญ้าอะไรประมาณนั้น
“ใครจะไปสักกันค่ะ เจ็บแถมเปลืองเงินด้วย อีกอย่างนี่มันนิ้วนางข้างซ้ายเลยนะคะ” สกุณาบอกเสียงสูงพร้อมกับกางมือออกดูรอยบนนิ้วพร้อมกับถอนหายใจ
นิ้วอื่นมีเยอะแยะทำไมไม่เป็นรอย มาเป็นเอานิ้วนี้เสียได้ เพื่อน ๆ ในกลุ่มที่โรงเรียนเลยชอบแซวว่าเธอมีผีแอบมาจองเธอเอาไว้ เมื่อถึงเวลาเขาจะมารับตัวไป ฟังดูน่าขนลุกมากกว่าโรแมนติก