มนตราวายสะ ตอนที่ 14 โตขึ้นฉันอยากเป็น... (1)
+++++++++
14
โตขึ้นฉันอยากเป็น...
สกุณาเข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งตามคำแนะนำของคุณครูสุนิสาผู้ที่หาทุนให้ แม้ตอนแรกพ่อแม่ของเธอจะคัดค้าน แต่เมื่อคุณครูไปช่วยพูดและอธิบายให้เข้าใจ พร้อมกับบอกว่านอกจากจ่ายค่าเทอมและทุกอย่างให้แล้วยังให้เงินเพื่อไว้ใช้จ่ายส่วนตัวด้วย และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้สองสามีภรรยายอมตกลง เพราะจะได้ขอแบ่งมาใช้
ส่วนงานที่ทำกับครูสุนิสาวันหยุดเสาร์อาทิตย์สกุณาก็ยังไปทำเช่นเคย แถมตอนนี้ครูยังเพิ่มค่าแรงให้ด้วย ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าคนที่ดูแลค่าใช้จ่ายในครอบครัวเกือบจะเป็นสกุณาเพียงคนเดียว ส่วนเงินของพ่อแม่ที่หาได้ก็เอาไปลงกับการพนันเสียหมด
“เงินเดือนนี้ล่ะ ค่าจ้างจากครูสาด้วย” นางทิพย์วรรณแบมือใส่ลูกสาวที่กลับมาจากทำงานที่บ้านของครูสุนิสา แถมวันนี้ยังเป็นวันแรกของเดือน นอกจากหวยจะออกแล้ว เงินค่าใช้จ่ายของลูกสาวก็ออกเช่นกัน
“ไหนมีคนบอกว่า วันนี้แม่ถูกหวยไม่ใช่เหรอคะ” สกุณาถามขณะหยิบกระเป๋าเงินรูปการ์ตูนของตัวเองออกมา
“ถูกห้าสิบบาทแต่ซื้อหมดไปสามพันกว่ามันจะเหลือไหมล่ะ” นายบรรจงบอกเสียงกลั้วหัวเราะ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย เพราะหักลบกลบหนี้กับเจ้ามือแล้ว เหลืออยู่สองร้อยกว่าบาท
“พูดมาก ดีกว่าไม่ถูกไหมล่ะ ทีมึงอะ เล่นบอลเคยได้ไหม” นางทิพย์วรรณด่าสามีที่พูดมากอย่างหงุดหงิด แม้ตอนที่ประกาศรางวัลนางจะดีใจจนเผลอร้องออกมาลั่นซอย ว่าตัวเองถูกหวย แต่เมื่อมาดูเงินที่จะได้หลังจากถูกหักค่าหวยแล้วก็ทำเอาอารมณ์เสีย
“แต่กูได้ทีเยอะกว่ามึงนะ” นายบรรจงข่ม แต่ก็โดนคนเป็นภรรยาแย้งขึ้นทันควัน “แล้วที่เสียเคยนับไหมล่ะ”
“แล้วหวยแกล่ะ ที่เสียไปเคยนับไหม” นายบรรจงย้อนกลับเสียงดัง นั่นทำให้นางทิพย์วรรณถึงกับลุกถลกแขนเสื้อขึ้นอย่างเอาเรื่อง “นี่มึงจะหาเรื่องกูใช่ไหม”
แต่ก่อนที่จะเกิดสงครามปาข้าวของ สกุณาก็รีบขัดขึ้นด้วยการเอาเงินยัดใส่มือของคนเป็นแม่ “พอเถอะค่ะ นี่เงินเดือนนี้ และนี่ค่าจ้างจากครูสา”
“เงินทุนมึงนี่ให้น้อยไปนะ เดือนละห้าพันเอง กินใช้ไม่กี่วันก็หมดแล้ว” นางทิพย์วรรณมองเงินในมือพลางบ่น เห็นแล้วสกุณาก็อดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ และไม่ได้คิดจะบอกคนเป็นแม่ด้วยว่ามันมีส่วนหนึ่งที่เธอเก็บไว้ใช้ด้วย เพราะถ้าบอกท่านก็คงเอาไปใช้จนหมด ไม่คิดเผื่อว่ากว่าจะมีเงินเข้ามาอีกจะเอาเงินจากที่ไหนมาใช้ ดังนั้นแม้เงินห้าพันที่ให้ไปจะหมด อย่างน้อยในแต่ละวันเธอก็มีเงินไปโรงเรียน
“แม่คะ เขาให้มันก็บุญมากแล้วนะคะ วันนี้ครูสาซื้อของกินให้หลายอย่างเลย กินเลยไหมคะ” สกุณาบอกพลางยกถุงของกินในมือขึ้น เพื่อดึงความสนใจของพวกท่านออกจากปัญหาเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ได้ชั่วขณะ
“กิน ๆ วิ่งรถทั้งวันเงินค่าเช่ารถแทบไม่พอ” นายบรรจงบ่นขึ้น สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องเดิม
“แล้วเสือกกลับเร็วทำไม เพิ่งจะเย็นเอง คนอื่นเขาวิ่งกันดึกดื่นเที่ยงคืน” นางทิพย์วรรณด่าคนเป็นสามีพลางเบ้ปาก
“ก็กูง่วงนี่หว่า ขับรถไปง่วงไปอันตรายจะตาย ได้แค่ค่าเช่าและค่าวิ่งนิดหน่อยก็พอแล้ว เพราะยังไงวันนี้เงินเดือนอีนกมันก็ออก แถมดูนี่สิ ของกินครูเขาก็ซื้อให้ตั้งเยอะ กินอิ่มไม่ต้องเสียเงินสักบาท” นายบรรจงบอกอย่างไม่ยี่หระ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของเขาอยู่แล้ว ที่จะหาเรื่องหยุดงานหรือไม่ก็กลับบ้านเร็ว ๆ
“หากินกับลูกเหรอมึง” นางทิพย์วรรณมองเหยียดคนเป็นสามี
“แล้วมึงล่ะ อยู่แต่บ้านงานการไม่ได้ออกไปทำ มีสิทธิ์ว่าคนอื่นด้วยเหรอ”