ย้อนอดีตคดีแชร์ลูกโซ่ในไทย
ประเทศไทยเคยเผชิญคดีแชร์ลูกโซ่หลากหลายกรณีที่สร้างความเสียหายทางการเงินและสังคมอย่างรุนแรง หลายคดีเป็นคดีใหญ่ที่มีเหยื่อมากมาย ซึ่งแชร์ลูกโซ่คือรูปแบบการระดมทุนที่หลอกลวง โดยให้ผู้ร่วมลงทุนหรือสมาชิกใหม่จ่ายเงินเข้ามา และนำเงินของคนใหม่ไปจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับสมาชิกเก่าแทนที่จะใช้ในการลงทุนจริง รูปแบบการทำงานนี้ไม่มีความยั่งยืน และสุดท้ายจะล้มลงเมื่อไม่สามารถหาสมาชิกใหม่มาจ่ายเงินได้ ตัวอย่างคดีแชร์ลูกโซ่ในไทยที่สำคัญ มีดังนี้:
คดีแชร์แม่ชม้อย (ปี 2527)
แชร์แม่ชม้อย เป็นคดีแชร์ลูกโซ่ที่โด่งดังที่สุดในยุคหนึ่ง โดยนางชม้อย ทิพย์โส จัดตั้งบริษัทระดมทุนโดยอ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนต่างประเทศเพื่อหากำไรสูง และสัญญาว่าจะคืนเงินพร้อมผลตอบแทนให้กับผู้ร่วมลงทุนในเวลาอันสั้น ความนิยมของการระดมทุนครั้งนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีคนหลงเชื่อเป็นจำนวนมากจนกลายเป็นคดีใหญ่ แต่สุดท้ายการลงทุนดังกล่าวเป็นเพียงกลลวง ผลให้ผู้ที่ร่วมลงทุนสูญเสียเงินมหาศาล
คดียูฟัน (ปี 2558)
ยูฟัน (UFun) เป็นคดีแชร์ลูกโซ่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรงข้ามชาติ โดยอ้างว่าเป็นธุรกิจระหว่างประเทศที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุนผ่านเหรียญยูฟัน (Utoken) และการซื้อสินค้า ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับถูกสร้างจากการนำเงินของผู้ลงทุนใหม่มาจ่ายคนเก่า หลังจากที่ทางการตรวจสอบก็พบว่าเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่และจับกุมผู้กระทำผิด ส่งผลให้ผู้ที่ร่วมลงทุนหลายหมื่นรายต้องสูญเสียเงินกว่า 20,000 ล้านบาท
คดีแชร์ FOREX-3D (ปี 2562)
แชร์ FOREX-3D เป็นอีกหนึ่งคดีที่มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก และเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งหนึ่งในประเทศไทย โดยบริษัท FOREX-3D หลอกลวงว่าทำธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (Forex) และให้ผลตอบแทนสูงถึง 60-80% ต่อเดือน แต่ภายหลังมีการตรวจสอบพบว่าไม่ได้มีการซื้อขายเงินตราจริง และการจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนเกิดจากเงินของสมาชิกใหม่ เมื่อไม่มีคนใหม่เข้ามาร่วมลงทุนระบบก็ล้มเหลว ทำให้ผู้ลงทุนจำนวนมากเสียหาย
คดีแชร์แม่มณี (ปี 2562)
แม่มณี หรือ น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช เปิดระดมทุนออนไลน์ในชื่อว่า "แชร์แม่มณี" โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงถึง 93% ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก ทำให้มีการระดมทุนไปหลายพันล้านบาท สุดท้ายการลงทุนนี้ถูกเปิดโปงว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ และแม่มณีถูกจับกุมในเวลาต่อมา ผู้เสียหายกว่าพันคนสูญเงินรวมกว่า 1,300 ล้านบาท
คดีแชร์ฟอร์ด (ปี 2564)
คดีแชร์ฟอร์ด (FORD) เป็นคดีแชร์ลูกโซ่ที่ใช้แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เช่นเดียวกัน โดยอ้างว่าลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) และจะให้ผลตอบแทนสูง แต่หลังจากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการลงทุนจริง ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมากต้องสูญเสียเงิน
คดีออมน้ำมัน (ปี 2559)
คดีออมน้ำมันเป็นการหลอกลวงให้ประชาชนมาลงทุนในน้ำมันเชื้อเพลิง โดยอ้างว่าจะซื้อขายน้ำมันที่ได้จากการเช่าแท็งก์น้ำมันเพื่อนำไปเก็งกำไร ซึ่งคดีนี้ก่อความเสียหายจำนวนมากในจังหวัดต่าง ๆ และหลายคนหลงเชื่อว่าธุรกิจนี้จะได้กำไรสูง
คดีแชร์ลูกโซ่แต่ละคดีในประเทศไทยส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนจำนวนมาก ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม