ข้อคิดจากหนังสือ วาฬไม่อยู่ในแก้ว
วาฬไม่อยู่ในแก้ว
หนังสือวาฬไม่อยู่ในแก้ว
ทุกอย่างเริ่มต้นที่วิสัยทัศน์ และตอนจบก็เช่นกัน
48 บทความเปลี่ยนทัศนคติเพื่อการพัฒนาตัวเองอย่างมั่นคง
เขียนโดย ดร.เหอฉวนเฟิง
แปลโดย อังค์วรา กุลวรรณวิจิตร
สำนักพิมพ์ บลูม พับลิชชิ่ง
เล่มนี้เป็นหนังสือปรัชญาทัศนคติที่อ่านแล้วรู้สึกสัมผัสได้ถึงความลุ่มลึกที่เข้าใจได้ไม่ยากนัก หวังว่าคนที่ได้อ่านเล่มนี้จะได้แนวคิดดีๆ มาปรับใช้ค่ะ
สิ่งที่ได้จากเล่มนี้คือ
1. คุณมองตัวเองอย่างไร
• อันตอน เชคอฟ นักเขียนบทละครและนิยายชาวรัสเซีย พูดว่า "มนุษย์เป็นแบบที่ตัวเองคิด" สิ่งที่เราแสดงออกไปให้คนทั้งโลกเห็นก็คือความรู้สึกในใจของเรา มิใช่ว่าแทนที่ด้วยความรู้สึกที่คนอื่นมีต่อเรา
"คนอื่นมองเราอย่างไร ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรามองตัวเองอย่างไร ชีวิตเราเราเป็นคนกำหนดเอง"
กำหนดภาพลักษณ์ของตัวเอง กำหนดว่าตัวเองคือใคร จะทำอะไร รวมถึงเราจะกลายเป็นอะไร
• การไม่ถูกเลือกไม่ได้แปลว่าเราไม่ดี เพราะ"คุณค่าของตนเองไม่ได้เกิดจากการประเมินค่าโดยคนอื่น"
เมื่อเราเห็นว่าตัวเองสำคัญและเห็นคุณค่าของตัวเอง ชีวิตเราก็จะมีคุณค่า
ตัวเราเป็นคนกำหนดคุณค่าของตัวเอง ไม่ใช่การประเมินค่าจากผู้อื่น หรือการเอาคุณค่าของคนอื่นมากำหนดเป็นของตัวเอง
• การยอมรับตัวเองให้ได้อย่างแท้จริง จงพอใจในลักษณะภายนอกของตนเอง ไม่ว่าจะมีข้อบกพร่องมากแค่ไหน เราก็ยังเป็นเรา ถึงแม้ว่าสวรรค์จะมอบร่างกายภายนอกที่แตกต่างกันให้กับพวกเรา แต่ร่างกายนี่แหละที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเรา
• พรสวรรค์ของคนทุกคนแตกต่างกัน นำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ไม่แน่ว่าตอนที่คุณกำลังอิจฉาคนอื่น คนอื่นอาจกำลังอิจฉาคุณอยู่ก็ได้ ถ้าเราเปลืองเวลาชีวิตไปกับการเปรียบเทียบ การค้นหาสิ่งที่ตัวเองขาด ตลอดชีวิตนี้คุณก็จะไม่รู้สึกขอบคุณในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่
การเปรียบเทียบกับคนอื่นนั้นไม่มีความหมายอะไร เราควรจะเปรียบเทียบกับตัวเอง ดูว่าตัวเองพยายามเต็มที่แล้วหรือยัง เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง
• เบนจามิน แฟรงกลิน เคยกล่าวไว้ว่า"ของล้ำค่าถ้าวางไว้ผิดที่ อาจกลายเป็นขยะ"
หลายๆคนประสบความล้มเหลว ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีความสามารถหรือยังพยายามไม่พอ แต่เป็นเพราะถูกวางไว้ผิดที่ผิดทางต่างหาก จึงหมดหนทางที่จะแสดงสิ่งที่ถนัด เมื่อตัวเราถูกวางไว้ถูกตำแหน่ง เราเองก็เป็น"คนที่มีความสามารถและมีอนาคตที่ดีได้" ชีวิตคนเรามักจะมีความเป็นไปได้อื่นๆ เสมอ
บนโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่มีประโยชน์ ขอแค่เราค้นหาพรสวรรค์ของตัวเองเจอ และเลือกเวทีที่ถูกต้อง
• วิสัยทัศน์กำหนดบทสรุปของคน
ประโยคหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก "คนมักพูดกันว่าสิ่งที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือทะเล แต่ท้องฟ้ากลับกว้างกว่านั้นมาก ที่จริงแล้วสิ่งที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลกก็คือหัวใจของฉัน" ขอแค่มีใจก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าชีวิตคนเราไม่ตั้งขอบเขต ความสำเร็จก็จะไม่มีขีดจำกัด
เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง"ความเป็นไปไม่ได้" ในใจเรา ถึงจะปลดปล่อย"ความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด"ของชีวิตได้
-----
2. คนทุกคนที่คุณรู้จัก
• หากเราอยู่กับคนแบบไหนนานๆ เราก็จะกลายเป็นคนแบบนั้น เพราะฉะนั้นจงสังเกตและระวังคนที่เราคบหาด้วย โชคชะตาเราขึ้นอยู่กับคนที่เราคบหาด้วย ขึ้นอยู่กับเพื่อนที่เราเป็นคนเลือก
เพื่อนที่พัฒนาตนเองไปด้วยกัน ส่งต่อพลังบวกให้กันและกันได้
จิม รอห์น นักเขียน พูดถูกแล้วที่ว่า "คนที่คุณคบหาด้วยมากที่สุดห้าคน ค่าเฉลี่ยของคนเหล่านั้นก็คือตัวคุณ" และเห็นด้วยกับเฮนรี ฟอร์ดว่า "คนที่ดึงด้านที่ดีที่สุดของเราออกมาได้ ก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา"
ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง การอยู่กับคนที่แตกต่างจากเราเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตไม่เหมือนเดิม
• เรามักไม่เห็นข้อเสียของตนเอง เราจำเป็นต้องให้คนอื่นมาบอกข้อเสีย เราถึงจะเห็นจุดที่ตัวเองต้องแก้ไข แต่น่าเสียดายที่หลายครั้งจุดประสงค์ของคำตำหนิติเตียนไม่ใช่เพื่อความหวังดี แต่มักเป็นการอยากลองทำร้ายคนอื่น
ทุกครั้งที่มีคนมาแสดงความคิดเห็นต่อเรา เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าคำพูดของเขาเป็นการติเพื่อก่อ หรือเพื่อทำลาย คำวิจารณ์แบบติเพื่อก่อมีประโยชน์ช่วยให้เรามองเห็นตัวเองได้ชัดเจนขึ้น ส่วนการติเพื่อทำลายมักทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ทำให้เราเห็นชัดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นคนอย่างไร
ทุกครั้งที่ถูกวิจารณ์ เรามักจะโกรธและตอบโต้ การกระทำนั้นก็สะท้อนความคิดที่เรามีต่อตัวเองเช่นกัน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เราเจ็บปวด สิ่งนั้นคือคำวิจารณ์ที่เรามอบให้ตัวเอง ดังนั้นควรถามตัวเองว่า มีส่วนไหนส่วนหนึ่งในใจเราที่กำลังวิจารณ์ตัวเองอยู่หรือเปล่า หลังจากปล่อยวางคำวิจารณ์ที่มีต่อตัวเองได้ เราจะรู้สึกกับคำวิจารณ์ของคนอื่นน้อยลง เมื่อตกผลึกว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรา เราก็จะไม่รู้สึกกับมันไปเอง
• เมื่อมีคนมาทำไม่ดีใส่เรา มันไม่ใช่ความผิดของเรา คำพูดและการกระทำเหล่านั้นมันแค่สะท้อนให้เห็นอารมณ์ตอนนั้นของอีกฝ่ายเท่านั้น เราเองก็ไม่จำเป็นต้องทำไม่ดีตอบ และสามารถเลือกที่จะไม่รับเอาความไม่ดีเหล่านั้นมาใส่ใจ ไม่รับก็จะตีกลับเอง เราแค่คงอารมณ์ดีๆ ของเราไว้ก็พอ
• มุมมองของแต่ละคนที่มีต่อโลกล้วนแตกต่างกัน คนที่เฉลียวฉลาดจะไม่ทะเลาะกับคนที่มีความเห็นไม่ตรงกัน เพราะไม่มีใครที่จะคิดเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็น
เอมีล ชาร์ตีเย นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส เคยกล่าวไว้ว่า "ความคิดเพียงด้านเดียวคือความคิดที่อันตรายที่สุด" เหตุผลทั้งหมดบนโลกนี้ล้วน"มีชีวิต"ล้วนไม่แน่นอน ถ้าสิ่งใดก็ตามที่เรายืนหยัดเชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งที่แน่นอนเหตุผลนั้นย่อมเป็นสิ่งที่"ตาย"แล้ว
การที่เราแค่เข้ากับใครบางคนไม่ได้ และแค่ไม่ชอบใครบางคน เหตุผลหลักๆก็คือไม่ยอมรับความแตกต่างของฝ่ายตรงข้าม เราต้องมีความใจกว้าง โอนอ่อน ยืดหยุ่น ให้เข้าใจให้มากขึ้นว่าโลกมีหลายด้าน ควรเปิดกว้างทางความคิด
• ไม่ว่าเรากำลังโทษใคร คนที่เราต่อว่าคือตัวเราเอง ลองกลับมาสำรวจตัวเอง
เมิ่งจื่อ กล่าวว่า "หากทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ ไม่ได้ผลดังที่หวังไว้ ให้ย้อนกลับมาหาสาเหตุที่ตัวเอง"
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเราและผู้อื่นล้วนเกิดจากตัวเรา เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเคารพตัวเอง เห็นว่าความรู้สึก เวลา และความคิดของเราสำคัญ คนอื่นก็จะปฏิบัติกับเราแบบเดียวกัน ในทางกลับกัน ถ้าเราเอาอกเอาใจเขาไปทั่ว ยอมให้คนอื่นเรียกร้องเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ คนอื่นก็จะไม่เคารพเรา
• เริ่มเป็นคนสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน ใส่ใจคนรอบข้างให้มากให้อภัยได้ก็ให้อภัย อย่าปล่อยให้เรื่องนิดเดียวความผิดเล็กน้อยส่งผลต่อความคิดโดยรวม และสิ่งที่ลืมไม่ได้คือการรักษาสัญญาและตอบแทนคนที่ทำดีกับเรา ก่อนที่ข้างกายเราจะไม่เหลือใคร
-----
3. คำทุกคำที่คุณพูดออกมา
• เวลาเรามองคนอื่นแบบไหน มันสะท้อนตัวเราหมดเลย เพราะเราใช้ความรู้สึกโดยสัญชาตญาณของตัวเองประมาณการการกระทำนั้น การที่เราต่อว่าคนอื่นแท้จริงเรากำลังต่อว่าตัวเอง
• บนโลกนี้ไม่มีเรื่องนินทาไหนที่จะไม่ทำร้ายคนอื่น เราได้ยินการนินทาคนอื่น เราเองก็ได้รับผลกระทบโดยไม่รู้ตัว ซ้ำร้ายถ้าเราเอาไปพูดต่อ ก็จะเกิดการส่งต่อข่าวลือ และการพูดต่อมักเป็นการใส่สีตีไข่ไปเรื่อยๆ การที่ไม่เข้าใจเรื่องราวแล้วตัดสินแบบส่งเดช เป็นการคิดที่ไม่อิงความเป็นจริง ถือว่าเป็นการผิดศีลธรรม การเงียบที่จะไม่พูดนินทาดีกว่า
ก่อนจะเปิดปากพูด ถามตัวเองก่อนว่า "คำพูดเหล่านั้นเป็นเรื่องจริงไหม คำพูดเหล่านั้นจำเป็นไหม พูดด้วยความหวังดีไหม" ถ้าใช่ถึงจะยอมให้คำพูดนั้นผ่านออกจากปากได้
• ถ้าพูดเรื่องหนึ่งซ้ำๆมากพอ มันจะกลายเป็นเรื่องจริง
คำพูดที่เราพูดกับตัวเองมีพลังมหาศาล ฉะนั้นพูดกับตัวเองในทางบวก เป็นการสะกดจิตตัวเอง
คัมภีร์ไบเบิลเขียนไว้ว่า "ทุกคำที่คุณพูดและทุกสิ่งที่ใจคุณเชื่อจะกลายเป็นจริง" ทุกประโยคที่ออกมาจากปากเราล้วนกำหนดโชคชะตาของตัวเรา
• ความคิดที่เรามีต่อคนอื่นเป็นตัวกำหนดว่าเขาจะแสดงภาพลักษณ์แบบไหนออกมาตอนอยู่ต่อหน้าเรา รวมถึงกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันด้วย
คำพูดของเราทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรามีความคาดหวังอะไรกับเขา การชมเชยกระตุ้นให้คนแสดงออกในทางที่ดีขึ้นได้ ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ทำให้พวกเขาเปลี่ยนไปในทางแย่ลงเพื่อบรรลุความคาดหวังในทางลบของผู้วิจารณ์
• เมื่ออยากให้ใครเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ให้ใช้คำพูดดีๆกับเขา เพราะมนุษย์ชอบฟังคำพูดดีๆ มนุษย์ล้วนแต่ฟังเสียงที่ตัวเองสนใจ การชมมีพลังในการสร้างสรรค์ ทุกๆคนมีจุดที่ประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิต และส่วนมากเกิดจากการที่คนอื่นให้กำลังใจ
-----
4. สิ่งที่คนอื่นรู้สึกเมื่อมองมาที่คุณ
• "วิธีที่เราพูด" ส่งผลกระทบต่อความคิดคนอื่นได้มากกว่า "สิ่งที่เราพูด" การแสดงออกทางสีหน้าและน้ำเสียงขณะที่เราพูดจึงสำคัญ วิธีเลือกใช้คำก็เช่นกัน ควรใช้คำพูดหรือประโยคที่คนฟังฟังแล้วรู้สึกสบายใจและมีความสุข
• ความหยิ่งในศักดิ์ศรีคือเปลือกนอก ความเชื่อมั่นในตัวเองคือเนื้อแท้ภายใน
คนที่อ่อนโยนที่สุดในโลกคือคนที่แข็งแกร่งสุด มีแต่คนแข็งพอเท่านั้นถึงจะอ่อนโยนได้
เมื่อมีการทะเลาะกัน คนที่จิตใจสงบจะปล่อยวางศักดิ์ศรีลงได้ คนที่มั่นใจในตัวเองจะก้มหัวลงได้ และคนที่เห็นคุณค่าตัวเองจะยอมถอยได้ เล่าจื๊อพูดว่า"เพราะเขาไม่ทะเลาะกับใคร บนโลกนี้จึงไม่มีใครทะเลาะกับเขาได้..." ที่จริงแล้วการยอมถอยจึงหมายถึงการเดินหน้า เพราะอย่างไรเสียเราก็ไม่มีทางเอาชนะคนที่ไม่อยากชนะได้
• เดินให้มั่น นั่งให้ตรง ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ท่าทางกำหนดสภาพจิตใจ ใจและกายเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกครั้งที่อารมณ์ของเราเปลี่ยน ร่างกายก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย ทำนองเดียวกัน สภาพจิตใจเองก็เปลี่ยนไปตามร่างกาย ถ้าเราทำตัวกระปรี้กระเปร่า เชิดหน้า และยืดอก เดินไปข้างหน้าแต่ละก้าวด้วยความกล้าหาญ ก็จะรู้สึกดีขึ้นในทันที เท่านี้เราก็จะมีความมั่นใจในตัวเองไปโดยปริยาย
• คนพูดเป็น มักเป็นผู้รับฟังที่ดี การพูดเยอะเกินไปไม่ได้เกิดประโยชน์ ขอแค่พูดให้ถูกเวลาก็พอแล้ว
เพลโต (Plato) เคยพูดไว้ว่า "คนฉลาดเขาพูด เพราะมีสิ่งที่ต้องพูด ส่วนคนโง่พูด เพราะอยากพูด"
คนเรามักพูดเรื่องที่ตัวเองรู้อยู่แล้ว เราเรียนรู้อะไรจากสิ่งที่เราพูดไม่ได้เลย การไม่พูดเรื่องที่รู้อยู่แล้ว ถึงจะทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องที่ไม่เคยรู้ คนที่พูดเป็นจริงๆ ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการฟัง
• ทำตัวเป็นแก้วเปล่า ถ่อมตัว และใจกว้างเช่นน้ำในมหาสมุทร ปล่อยให้สายน้ำนับไม่ถ้วนไหลมารวมกันไม่ขาดสาย แต่น้ำในมหาสมุทรกลับไม่เคยล้นออกมาเลย คนเราก็เช่นนั้น จึงจะเติบโตและพัฒนาได้เรื่อยๆ
เล่าจื๊อบอกว่าอย่ามั่นใจเกินไปและคิดว่าอย่างไรเสียก็ได้รับการยอมรับจากคนอื่น เพราะการไม่โอ้อวดต่างหากที่จะทำให้คนอื่นชื่นชมเรา เพราะว่าในใจไม่ได้มีอัตตา คนอื่นถึงจะเห็นว่าคุณสำคัญ เคล็ดลับในการสร้างความสำพันธ์ระหว่างบุคคล ปฏิบัติตัวสุภาพ มีมารยาทนอบน้อม อ่อนน้อมถ่อมตน แล้วคนอื่นจะช่วยทำให้เราสูงขึ้นเองโดยปริยาย
• เมื่อมีใครทำดีกับเราแม้เล็กๆ น้อยๆ ก็อย่าลืมขอบคุณ ยิ่งคนที่ทำเพื่อเรามากที่สุด ยิ่งสำคัญ เพราะเรามักมองข้ามไป ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะเห็นว่าสิ่งที่เขาทำเพื่อเราเป็นเรื่องปรกติวิสัยที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่นั่นแหละ เขาคือคนที่เราควรขอบคุณมากที่สุดเลย
-----
5. ความคิดในการใช้ชีวิต
• อดทนทำในสิ่งที่ควรทำก่อน อนาคตถึงจะมีโอกาสทำในสิ่งที่อยากทำ
• จงเห็นว่าเวลานั้นสำคัญ เพราะเวลาคือชีวิต และสิ่งไหนที่เราทุ่มเทเวลาให้กับมัน สิ่งนั้นจะต้องสำเร็จลุล่วง
• ระยะห่างไกลกันที่สุดในโลก คือ "แค่พลาดไปนิดเดียว" เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ช่วยให้ประสบความสำเร็จในเรื่องใหญ่ รายละเอียดช่วยทำให้สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นอย่าได้ยอมแพ้เพราะขาดไปแค่นิดเดียวเด็ดขาด (จงรอบคอบ ไม่สะเพร่า)
• ทุกอย่างต้องเริ่มต้นทำจากพื้นฐาน ต้องทำตามขั้นตอนไม่ต้องรีบ วิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำงานใหญ่ให้เสร็จ คือทำทีละน้อย และใช้เวลา ก็จะเห็นผล
• ทัศนคติของเราเป็นตัวกำหนดว่าเราจะเรียนรู้จากโลกใบนี้อย่างไร
• เบื้องหลังเรื่องราวความสำเร็จต้องมีใจกระตือรือร้น จุดไฟตัวเองด้วยเป้าหมายที่จับต้องได้ ไม่ว่าอุปสรรคอะไรก็เอาชนะมันได้
• ไม่ใช่ว่าเราทำไม่ได้ แค่เรายังไม่ได้เรียนรู้จนทำเป็นแค่นั้น
อย่ากลัวความล้มเหลว ถ้าล้ม ก็จงลุกขึ้นจากที่ล้มลง
• ถ้าเราได้รับโอกาสที่ดี แต่แรงกดดันสูงมาก อย่าให้ความกลัวกระทบต่อการตัดสินใจของเรา แม้ว่าเราจะกลัว แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ เพื่อก้าวผ่านความกลัวของตัวเอง สิ่งนี้แหละ ที่เรียกว่าความกล้า
-----
6. เรื่องราวที่เคยพบเจอ
• คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าทางเดินชีวิตของเรามีทางเลือกแค่สองทาง คือ ถูกต้องกับผิดพลาด ความจริงการตัดสินใจเลือกนั้นไม่มีถูกหรือผิด แค่ทางเดินแตกต่างกันเท่านั้นเอง ไม่ว่าเราตัดสินใจอย่างไรมันคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราในตอนนั้น ทุกเส้นทางล้วนทำให้เราได้รับความรู้ เราเลือกทาง A เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง แต่ถ้าเลือกทาง B มันจะมอบโอกาสและประสบการณ์ชีวิต
• การแพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือเราได้เรียนรู้อะไรจากการแพ้หรือชนะ เราควรเปลี่ยนความคิดตัวเองจาก "แพ้/ชนะ" เป็น "เติบโต/ประสบการณ์" จินตนาการว่าชีวิตเราคือการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด มองประสบการณ์ทุกอย่างให้เป็นบทเรียน เป็นโอกาสที่มีค่าควรแก่การเรียนรู้ เช่นนี้เราก็จะไม่ล้มเหลวตลอดชีวิต
• ทุกทางที่เคยเดินไม่ได้เปล่าประโยชน์ ทุกเส้นทางมีทิวทัศน์ที่แตกต่างกัน ขอแค่เรามองว่า ชีวิตคือผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใครก็จะไม่เดินในเส้นทางที่ผิดตลอดชีวิต ต้องเปลี่ยนความคิด อย่าหันหลังกลับ ชีวิตคือการเดินไปข้างหน้า เราควรหันไปมองดูว่า"ได้เรียนรู้อะไร" ไม่ใช่เอาแต่หันกลับไปมองจุดเริ่มต้นและรู้สึกเสียดายตลอดชีวิต
• ถ้าเราไม่พอใจกับสถานการณ์ปัจจุบัน อย่ามัวแต่โทษตัวเอง แต่ควรคิดว่า "จะทำอย่างไรให้ดีขึ้น" มันไม่สำคัญว่าเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างไร สิ่งที่สำคัญคือเราจัดการมันอย่างไร และสุดท้ายเราเรียนรู้อะไรจากมัน
• ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดในชีวิตช่วยพัฒนาตัวเรา ไม่ว่าความยากลำบากหรือบททดสอบที่เราเจอคืออะไร ทุกสิ่งช่วยพัฒนาความสามารถและสติปัญญาของเรา ถ้าเรารับมือกับปัญหาด้วยมุมมองที่ถูกต้องเช่นนี้ เราจะไม่รู้สึกเจ็บปวด เพราะเราไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องเลวร้าย
-----
7. ความคิดทุกๆ อย่างของคุณ
• ชีวิตคือทุกเรื่องที่เรากำลังคิดในหนึ่งวัน ถ้าเราคิดด้านบวกอยู่ตลอด ชีวิตของเราก็จะดำเนินไปในทิศทางที่ดี ถ้าความคิดของเราเอนเอียงไปในด้านลบอยู่เสมอ เราก็จะใช้ชีวิตในทางที่ไม่ดีอย่างนั้น
• ไม่ว่าเราจะเชื่ออะไร ขอแค่เชื่อมากพอมันก็จะกลายเป็นจริง ทุกวันต้องบอกตัวเองอย่างแน่วแน่ พูดว่าตัวเองเป็นคนมองโลกในด้านดีและกำลังพัฒนาไปข้างหน้า รวมทั้งทำให้ท่าทาง คำพูด และความคิดของเราแสดงออกมาเหมือนกับว่าเราเป็นคนแบบนั้นแล้ว
• เราควรรวบรวมสมาธิจดจ่อไปยังสิ่งที่ตัวเอง "อยากได้" ไม่ใช่สิ่งที่ "ไม่อยากได้" ตลอดชีวิตนี้อย่า "เพ่งความสนใจ"กับเรื่องที่เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
ขอแค่เรามุ่งความสนใจไปที่คน เรื่องราว และสิ่งของที่ดีงามที่คาดหวังไว้ ผลลัพธ์ก็จะเป็นไปในทางที่เราคิดและสนใจ
• วางสายตาไว้ที่การแสดงข้อดี ไม่ใช่การปกปิดข้อเสีย เมื่อเปลี่ยนจุดโฟกัส ประสบการณ์อันน่าเศร้า ก็กลายเป็นความทรงจำที่สวยงาม
• ก่อนจะบรรลุเป้าหมายต้องเห็นเป้าหมายสำเร็จลุล่วงก่อน
ก่อนที่จะมองเห็นว่าเรื่องราวกลายเป็นจริงเราต้องเชื่อมันก่อน และเมื่อเราเชื่อ เราก็จะมองเห็น
เมื่อเราเชื่อพลังแห่งจินตนาการ และเชื่อว่าภาพสวยงามในอนาคตจะต้องปรากฏ พลังที่เหนือจินตนาการก็จะหลั่งไหลท่วมท้นออกมา เพื่อช่วยให้เราทำฝันให้สำเร็จ
-----
8. การกระทำทุกๆ อย่างของคุณ
• ออสการ์ไวลด์ (Oscar Wilde) นักเขียนบทละครชาวอังกฤษพูดว่า "ตอนเริ่มแรกพวกเราบ่มเพาะให้เกิดความเคยชิน ภายหลังความเคยชินกลับบ่มเพาะพวกเรา"
การฝึกให้มีความเคยชินที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อทำจนติด ความเคยชินที่ดีจะจำมาใช้ประโยชน์ได้ตลอดชีวิต การฝึกให้มีความเคยชินที่ไม่ดีเป็นเรื่องง่ายมากเมื่อทำจนติด ความเคยชินที่ไม่ดีจะให้โทษและควบคุมเราไปตลอดชีวิต
• ถ้าควบคุมเรื่องเล็กๆไม่ได้ ก็ไม่มีทางที่จะควบคุมเรื่องใหญ่ได้เช่นกัน
• เมื่อทำดีแล้วไม่มีคนเห็น แต่รู้ไว้เถิดว่าพฤติกรรมที่ดีงามจะนำมาซึ่งความรู้สึกที่ดีในตัวมันเองอยู่แล้ว เรื่องอะไรก็ตามที่เราทำมันกำลังบ่งบอกถึงตัวเรา และคนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือตัวเราเอง
• ตอนที่คนอื่นทำดีกับเรา เราก็ทำดีกับพวกเขาได้เป็นเรื่องง่ายมาก แต่"คนดี"จริงๆ จะทำดีกับคนอื่นถึงแม้ว่าคนอื่นจะทำไม่ดีกับเขา
• เราให้อะไรไป สิ่งนั้นก็จะกลับมาหาเรา เราปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไร คนอื่นก็ปฏิบัติกับเราอย่างนั้น
• การกระทำอะไรก็ตามของพวกเราล้วนหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ได้ ผลลัพธ์ทุกอย่างนั้นมีเหตุผล นี่คือสิ่งที่เรียกว่า "กฎแห่งกรรม"
• ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นกับเราบ้าง แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราทำเรื่องดีๆอะไรไปบ้าง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราได้รับอะไรจากชีวิต แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรานำอะไรมาให้กับชีวิตได้
-----
อยากให้ได้อ่านเล่มนี้จริงๆ แล้วจะเข้าใจในเชิงอรรถ อ่านแล้วเพลินกับแนวคิด ผู้เขียนเขียนได้ดีค่ะ
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน
เผยสถิติเลขออกบ่อย ย้อนหลัง 20 ปี..งวดวันที่ 2 มกราคม 69
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
พลเมืองและอดีตสส.อินเดีย ประณามกองทัพไทย ที่ทำลายรูปปั้นฮินดูในกัมพูชา
"DJ Sakura Soh" กับบทบาทใหม่ในวงการ JAV
เบื้องหลังความพรีเมียมของเกลือสีชมพู
แม่น้ำหนึ่ง ประเดิมเลขเด็ดต้อนรับงวดแรกของปี 2569
กฎหมายใหม่"การส่งข้อความลๅมกอนๅจๅร" อาจติดคุก เริ่มใช้ ต้นปี 69
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
ทำไมเราถึงเรียกชาวต่างชาติว่า ฝรั่ง
หมอปลาย พรายกระซิบ รีเทิร์นแบบฮาๆ! ทำนายพลาดทัวร์ลงหนัก ขอโทษยกมือไหว้ วอนชาวเน็ตให้โอกาสแก้ตัว ไม่งั้นเลิกดูดวงไปจับผีเต็มตัวซะเลย!



