หลายคนอาจไม่รู้ว่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว รถโรงเรียนถือเป็นเรื่องสำคัญมาก มีการออกแบบและควบคุมอย่างเป็นระบบ
หลายคนอาจไม่รู้ว่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว รถโรงเรียนถือเป็นเรื่องสำคัญมาก มีการออกแบบและควบคุมอย่างเป็นระบบ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของเด็กๆ
ยกตัวอย่างเช่นรถโรงเรียนของสหรัฐอเมริกา ที่มีหลักการสำคัญๆ ประมาณ 3 ข้อใหญ่ๆคือ
1. มองเห็นได้ง่าย ชัดเจน
ที่อเมริกาจะเรียกสีรถโรงเรียนว่า "National School Bus Glossy Yellow" ซึ่งเป็นสีที่สะดุดตา สามารถมองเห็นได้แม้แสงน้อย มีแถบสะท้อนแสง และมีตัวหนังสือ "SCHOOL BUS" เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรถโรงเรียน
2. การออกแบบภายในตัวรถ
ออกแบบโดยใช้หลักการแบ่งเป็นส่วนๆ (compartmentalization) ที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บที่หัวและคอได้
มีที่นั่งพนักพิงสูงหุ้มเบาะนุ่มเพื่อเป็นเป็นที่ดูดซับแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงมีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
ตะขอยึดเบาะมีการออกแบบให้ยึดแน่นเป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ที่นั่งหลุดออกจากตัวรถในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
มีการออกแบบเพื่อคำนึงถึงความสมดุลของตัวรถเพื่อป้องกันการพลิกคว่ำ
นอกจากนี้ยังมีที่ทุบกระจก ถังดับเพลิง และทางออกฉุกเฉินในกรณีที่จำเป็นต้องอพยพออกจากตัวรถ ถ้าดูจากรูปจะเห็นได้ว่ามีทางออกฉุกเฉินรอบคันรถ ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุตรงไหนก็สามารถออกจากรถได้ไม่มีปัญหา
3. การออกแบบโครงสร้างภายนอกตัวรถ
โครงสร้างรถเป็นเหล็กกล้าเสริมแรงเพื่อความแข็งแรงทั้งด้านหน้า ด้านหลังและด้านข้าง รวมถึงมีการกระจายน้ำหนักให้สมดุล เพื่อป้องกันการพลิกคว่ำของตัวรถ
มีการออกแบบถังน้ำมันพิเศษเพื่อป้องกันถังรั่ว และวางอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงไฟไหม้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
หลังคามีความแข็งแรงและมีลักษณะโค้งเว้าเพื่อรับแรงกระแทกในกรณีที่มีการพลิกคว่ำ
.
.
.
.
ทั้งหมดที่พูดมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่รัฐให้ความสำคัญกับเด็กซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติไม่แพ้ผู้ใหญ่
ประเด็นปัญหาไม่ใช่ว่าควรยกเลิกทัศนศึกษาหรือไม่ แต่เราต้องตั้งคำถามกับมาตรฐานของการตรวจเช็คสภาพรถ และมาตรฐานของคนขับรถโดยสาร
ปล.ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ
อ้างอิงจาก: stampchan