สุขภาพจิตดีขึ้นได้ ด้วยการวิ่ง ประโยชน์ของการวิ่ง
การวิ่ง กับการส่งเสริมสุขภาพจิต
1.ช่วยเปลี่ยนแปลงภายในสมองได้
การวิ่งช่วยให้เรียนรู้ถึงการมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งความเหนื่อยล้า และระยะทาง การวิ่งจะช่วยให้ได้มุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับปัญหาทั้งใหญ่และเล็ก ความอดทนในการวิ่ง ความแข็งแกร่งของร่างกาย ระยะทาง พยายามเพื่อที่จะผ่านสิ่งเหล่านี้มา จะทำให้รู้สึกแข็งแกร่งขึ้น
สิ่งนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายในสมอง จากการศึกษาที่พิมพ์ในวารสาร Frontiers in Human Neuroscience โดยนักวิจัยได้ทำการสแกนสมองของนักวิ่ง หลังจากการแข่งวิ่งระยะไกล พบว่า สมองของนักวิ่งที่ทำงานได้ดี เกี่ยวข้องกับสมองส่วนที่ควบคุมตนเอง และความจำในการทำงาน
ในการศึกษาเชิงเปรียบเทียบ พบว่า ผู้ที่วิ่งเป็นประจำนั้นมีความยืดหยุ่นทางความคิดมากที่สุด ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เมื่อต้องเผชิญกับปัญหา การมีความคิดยืดหยุ่น จะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมรับมือกับปัญหาได้อย่างดี
2.ช่วยให้มีความมั่นใจ และเห็นคุณค่าในตนเอง
การวิ่งจะช่วยให้นักวิ่งเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ที่เจอในขณะวิ่ง ในการวิ่งแต่ละครั้ง อาจจะเกิดความรู้สึกท้อแท้ระหว่างทาง ทั้งระยะทาง ความเหนื่อยล้า แต่เมื่อวิ่งจนถึงเส้นชัย จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้ว่า ร่างกายของเรานั้นแข็งแรง สามารถวิ่งจนจบระยะได้ แถมยังช่วยเสริมพลังกายอีกด้วย
นักวิจัย พบว่า การออกกำลังกายอย่าง การวิ่ง หรือการวิ่งเหยาะ ๆ นั้นมีความเกี่ยวข้องกับการเห็นคุณค่าในตนเองมากขึ้น เพราะการออกกำลัง การวิ่งเป็นประจำ จะนำไปสู่การมีรูปลักษณ์ที่ดี หุ่นที่ดี มีร่างกายที่แข็งแรง ทำให้ผู้ที่วิ่งรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองมากขึ้น
3.ช่วยปรับปรุงอารมณ์ได้
การวิ่ง ช่วยบรรเทาความเครียด การวิ่ง หรือการจ๊อกกิ้ง ยังมีผลต่อความคิด และทัศนคติด้วย ในขณะที่วิ่งร่างกายจะหลั่งสารที่มีชื่อว่า “เอนดอร์ฟิน (Endorphin)’ ซึ่งเป็นสารที่จะหลั่งออกมาเมื่อรู้สึกมีความสุข มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการทางอารมณ์ และความวิตกกังวลได้
จากการศึกษาในปี 2556 พบว่า การออกกำลังกายในระดับปานกลางนั้น มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการซึมเศร้า ความตึงเครียด และความเหนื่อยล้าลง หลังจากที่ผู้ป่วยได้เริ่มโปรแกรมการวิ่ง ทำให้เกิดความสับสนน้อยลง บางคนจึงออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กับการการใช้ยารักษา เพื่อให้อาการดีขึ้น
จะเห็นได้ว่า การวิ่งมีผลดีกับร่างกายและจิตใจมากขนาดนี้ หากจะเริ่มออกกำลังกายจริง ก็แนะนำให้วิ่งออกกำลังกายกัน แต่ออกกำลังกายอย่างพอดี จะได้ไม่เกิดการบาดเจ็บและพาลเกลียดการออกกำลังกายไปเสียก่อน
ประโยชน์ของการวิ่ง
1.มีความสุขมากขึ้น ผลวิจัยพบว่า การเดินบนลู่วิ่งเพียง 30 นาที สามารถบรรเทาอารมณ์ทุกข์ทรมานจากโรคซึมเศร้าได้ทันที หากมีโอกาสได้ไปวิ่งมาราธอนในบริเวณอากาศปลอดโปร่ง ทิวทัศน์งามตาสวย ๆ ความสุขย่อมเพิ่มขึ้นทวีคูณ
2.ความฟิต ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ดี หลังวิ่งแล้วร่างกายยังคงเผาผลาญ (after burn) ต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ที่วิ่งเป็นประจำ แคลอรี่จำนวนมหาศาลที่จะหายไปจากร่างกายขณะวิ่ง และหลังวิ่ง นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่ออวัยวะอื่น ๆ ทั้งปอด หัวใจ และหลอดเลือด
3.ช่วยเสริมข้อต่อ และกระดูก แรงกดจากการวิ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของน้ำในข้อต่อ อีกทั้งยังทำให้กล้ามเนื้อบริเวณขาแข็งแรง ช่วยพยุงข้อต่อ และลดแรงกระแทกของข้อเข่าได้ดีขึ้น การวิ่งที่ถูกวิธี และต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มมวลกระดูก และป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกได้
4.ช่วยให้ดูดีแม้อายุมากขึ้น ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย ทำให้สีหน้ามีเลือดฝาด เนื่องจากเส้นเลือดฝอยขยายขนาด และจำนวนขึ้น ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เผาผลาญแคลอรี่จนหน้าท้องแบนราบ ช่วยเสริมสร้างจิตใจให้แจ่มใส ยิ่งไปกว่านั้น ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง การออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยเพิ่มความจำทางภาษา ความคิดและในการตัดสินปัญหาเพิ่มขึ้น
5.ลดความเสี่ยงมะเร็ง การออกกำลังกายเป็นประจำมีความสัมพันธ์ กับการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด เพิ่มความแข็งแรง และภูมิต้านทานให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังได้รับเคมีบำบัด นอกจากนี้ การได้พูดคุยกับคนรอบข้าง ช่วยให้จิตใจแจ่มใสไม่หมกมุ่นอยู่แต่ความเจ็บป่วย
6.เพิ่มสมรรถนะหัวใจให้ดีขึ้น ผลการวิจัย พบว่า ควรวิ่งอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ (150 นาที /สัปดาห์) ในความหนักระดับปานกลาง (วิ่งไปร้องเพลงได้ หรือพูดเป็นประโยคยาวต่อเนื่องได้) การออกกำลังกาย ในปริมาณ และความหนักที่เหมาะสม สามารถทำให้สมรรถนะหัวใจดีขึ้นได้