จริงหรือ? ผู้ชาย ชอบ ผู้หญิง ที่มีสัดส่วนเอวต่อสะโพกเท่ากับ 0.7
ก่อนอื่นเรามามาคำนวณสัดส่วนระหว่างรอบเอวและสะโพกตัวเองกันก่อน...ให้วัดรอบเอว (ส่วนที่แคบที่สุดเหนือสะดือ) และวัดรอบสะโพก (ส่วนที่กว้างที่สุดบริเวณก้น) จากนั้นหารขนาดรอบเอวด้วยขนาดรอบสะโพก ไปดูกันเลยว่าสัดส่วนรอบเอวและสะโพกของเราสมดุลหรือยัง
จากหนังสือ ศาสตร์พิศวง สู่มิติแห่งความเป็นไปไม่ได้ ผลงานของ ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน ได้กล่าวว่า
เราหลายคนคงเคยเห็นคู่บ่าวสาวที่สตรีสวยเดินควงคู่หนุ่มที่หน้าตาดูไม่ได้เลยและผมเผ้าก็ไม่ได้หวี หรือบางครั้งก็เห็นหนุ่มหล่อแต่งงานกับสาวเฒ่า เหตุการณ์เช่นนี้คงทำให้คนหลายคนงงและเริ่มมีจินตนาการ
ในงานสำรวจความนิยมและความคิดเห็นโดยกัลลัป (Gallup) ที่ได้กระทำในสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการมีเสน่ห์ของผู้ชายในสายตาของผู้หญิง ซึ่งรายงานได้ระบุว่า ผู้หญิงอเมริกันส่วนใหญ่ต้องใจผู้ชายที่ร่างกายมีกล้ามระดับปานกลาง แต่ไม่มากถึงขั้นชายงามจักรวาล การสำรวจความนิยมนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ใบหน้าและรูปร่างของผู้ชายคือดัชนีชี้บอกสุขาพและจิตใจของเจ้าของ ดังนั้นในสายตาของสตรี ชายใดที่ไม่ลงพุ่งก็แสดงว่าเป็นที่ให้ความสนใจกับบุคลิกและสุขภาพ และเมื่อตนเองสนใจตัวประเด็นนี้ เขาก็น่าจะมีความสนใจที่จะดูแลและปกป้องคนที่จะมาแต่งงานด้วยแน่ๆ
ในวารสาร Nature ฉบับที่ 399 หน้า 741 ประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ.2542 L. Penton Voak แห่งคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเชนต์แอนดรูส์ ในประเทศอังกฤษ ได้รายงานว่าในการทดสอบสตรีญี่ปุ่นและอังกฤษจำนวน 104 คน เขาและคณะวิจัยได้พบว่า ความรู้สึกของสตรีที่มีต่อบุรุษในแง่จะมีความสัมพันธ์ด้วยนั้น ขึ้นกับช่วงเวลาการมี-ไม่มีประจำเดือน เพราะมีการพบว่า ในช่วงเวลาที่ร่างกายสตรีกำลังตกไข่ เธอมักเห็นว่าบุรุษอกสามศอกมีเสน่ห์รุนแรง แต่เมื่อไข่สุกและประจำเดือนมา มีใบหน้าอ่อนโยนจะเป็นบุรุษในสเปกมากกว่า
ซึ่งก็ตรงกับทฤษฎีการเลือกคู่ที่นักชีววิทยาเชื่อถือ คือ ในช่วงเวลาที่ไข่สุกซึ่งเป็นเวลาที่ผู้หญิงพร้อมจะสืบพันธุ์ ผู้ชายที่แข็งแรงดูจะเป็นผู้ชายที่มียีนดี ดังนั้น ทายาทที่เกิดตามมาก็มีโอกาสจะมีชีวิตสืบต่อไปได้สูง แต่เมื่อตั้งครรภ์แล้วเธอก็ต้องการผู้ชายที่มีอารมณ์อ่อนโยนกว่าเพื่อดูแลลูกน้อยและสร้างครอบครัวกับเธอต่อไป (ข้อพึงสังวร ทฤษฎีนี้มิได้สนับสนุนให้สตรีมีสามีสองคนในเวลาเดียวกัน คือให้คนหนึ่งสร้างลูกและอีกคนหนึ่งเลี้ยงลูก)
งานวิจัยนี้ให้ผลสอดคล้องกับการสำรวจที่โวกเคยทำเมื่อปี พ.ศ. 2541 เช่นกัน ในการวิจัยที่ปรากฏในวารสาร Nature ฉบับที่ 394 หน้า 884 โวกรายงานว่า ในการทดสอบกับนิสิตสตรีของมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์ที่มีอายุ 18-44 ปี จำนวน 44 คน โดยให้เลือกระหว่างหนุ่มบอนด์ ซึ่งแสดงโดย ฌอน คอนเนอรี และหนุ่มแจ็ก ซึ่งแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ เขาได้พบว่า สตรีจะเลือกดีดาปริโอมาเป็นคู่ครองมากยิ่งกว่าที่จะเลือกคอนเนอรี เพราะทุกคนให้ความเห็นว่า ใบหน้าที่อ่อนโยนกว่า (คล้ายผู้หญิงมากกว่า) ให้ความรู้สึกว่าดีคาปริโอเป็นคนที่นิ่มนวล ไม่รุนแรง น่าไว้ใจ ฉลาดกว่า และซื่อสัตย์ คือไม่นอกใจ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ (ผู้หญิงคิดว่า) ทำให้ดีคาปริโอทำหน้าที่เป็นพ่อได้ดีกว่าคอนเนอรี และคุณสมบัติเสริมอีกข้อหนึ่งในการเลือกคู่ก็คือ สตรีชอบชายที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ (ไม่แก่) เพราะคนที่หน้าเหี้ยม ถมึงทึง ขรึม และดุนั้นดูแก่ จึงไม่น่าจะทำหน้าที่พ่อได้นาน และนี่ก็อาจเป็นเหตุผลหลักที่อธิบายว่า เหตุใดดารานักร้องยุคนี้คนใดที่มีหน้าเด็กจะฮอต
ในการสำรวจความเห็นของบุรุษที่มีต่อสตรีที่มีเสนท์นั้น M.Tovee แห่งมหาวิทยาลัยนิวคาลเซิล ในประเทศอังกฤษ ได้รายงานในวารสาร Lanoet ว่า ในการให้นักศึกษาชายระดับปริญญาตรีจำนวน 40 คน คัดเลือกสตรีที่ดูสวยในสายตาของตน เขาพบว่า สตรีสวยคือสตรีที่มีรูปกายทรงขวดโคลา โดยเฉพาะสตรีที่มีอัตราส่วนความยาวเส้นรอบเอวกับสะโพกเท่ากับ 0.7 คือ ถ้าเส้นรอบเอามีความยาว 7 ส่วน และในขณะเดียวกัน เส้นรอบสะโพกมีความยาว 10 ส่วนแล้วละก็ เธอจะเป็นสีดา อุมา และลักษมีในฝันของชายทีเดียว และเมื่อโทวี ทดสอบในประเด็นอื่น เขาก็ได้พบอีกว่า นิสิตชายชอบคนที่อ้วนไปนิดมากกว่าคนที่ผอมไปนิด โดยตั้งข้อสังเกตว่า หากเขาใช้ดัชนี BMI ที่หาได้จากน้ำหนักตัวเป็นปอนด์คูณด้วย 705 แล้วหารด้วย (ความสูงเป็นนิ้ว)ยกกำลังสอง ของคนคนนั้น แล้วสตรีที่สวยในสายตาของผู้ชายจะเป็นคนที่มีค่า BMI อยู่ในช่วง 18-20 ดังนั้นสตรีใดที่มี BMI= 32 ก็จะอ้วนไป
แต่ ดี. ดับเบิลยู. ยู (D. W. Yu) แห่งวิทยาลัยอิมพีเรียลในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ได้กล่าวเสริมว่า เกณฑ์สวยที่คิดให้เอว : สะโพก = 0.7 นั้น เป็นเกณฑ์ที่สวยในมุมมองของสังคมตะวันตก เท่านั้น ดังนั้น จึงคิดทดสอบเกณฑ์ความสวยนี้กับคนเชื้อชาติอื่นที่ไม่เคยได้รับอิทธิพลใด ๆ จากความเห็นเรื่องความงามของชนตะวันตกเลย โดยได้สำรวจความเห็นเรื่องเกณฑ์ความงามของสตรีในสายตาบุรุษของชนเผ่ามัตสิเกนกา (Marspenka) ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในป่าทางตอนใต้ของประเทศเปรู ซึ่งไม่เคยได้เผชิญหรือสัมผัสอารยธรรมตะวันตกเลย เขารายงานผลการสำรวจนี้ว่า ผู้ชายของผ่านี้มีความเห็นเรื่องเกณฑ์งามของสตรีที่แตกต่างจากความเห็นของผู้ชายตะวันตกมากมาย โดยให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำหนักตัวของสตรีว่า คนที่อ้วนมากจะเป็นคนที่สวยมากและมีสุขภาพดีมาก ดังนั้นในการเลือกคู่ครอง สตรีอ้วนจะขายดีกว่า
ยูจึงมีความเห็นว่า ทฤษฎีความงามหรือทฤษฎีเสน่ห์ของคนจะต้องครอบคลุมความแตกต่างด้านความเห็นของชนหลายเผ่าพันธ์ุด้วย ดังนั้นความงามจึงไม่มีเกณฑ์ที่เป็นสากล
ในสังคมที่แคบ รูปร่างลักษณะของคนที่เราเลือกอาจะไม่มีความสำคัญมากนัก เมื่อข้อมูลเกี่ยวกับอายุ ประวัติส่วนตัว และนิสัยต่างๆ เราก็หามาได้โดยไม่ต้องดูหน้า แต่ในสังคมปัจจุบันที่กว้างมาก การรู้ข้อมูลของคู่ครองในฝันนั้นทำได้ยาก เมื่อเราไม่ค่อยรู้จักกันดี การดูรูปร่างหน้าตาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทำได้ง่ายกว่าเรื่องใด ๆ ในการเลือกคู่
สำหรับเรื่องนี้ ซาร์ลล์ ดาร์วิน นักชีววิทยานามอุโฆษ ก็ได้เคยกล่าวเมื่อประมาณ 130 ปีก่อนนี้ว่า ในการที่ตกร่องปล่องชิ้นกันนั้น สัตว์ตัวเมีย (ซึ่งรวมทั้งสตรี) มักจะประเมินคุณสมบัติของสัตว์ตัวผู้ (ผู้ชาย) อย่างละเอียดถี่ถ้วนและดียิ่งกว่าสัตว์ตัวผู้จะประเมินสัตว์ตัวเมีย ทั้งนี้เพราะสัตว์ตัวเมียต้องเป็นผู้รับผิดชอบทายาทที่จะเกิดตามมา ดังนั้นมันจึงต้องแสวงหาตัวผู้ที่พร้อมจะทุ่มเทแรงกาย และแรงใจดูแลลูกและครอบครัว เมื่อเป็นเช่นนี้ ชายคนที่มีเสน่ห์ในสายตาของหญิงที่หญิงจะเลือกเป็นคู่ครองด้วย คือคนที่มีอารมณ์อาทรต่อความรู้สึกของคนอื่น และยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้าง(ไม่ใช่ฟังทั้งวันจนตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย) และมีความทะเยอทะยาน (พอสมควร) รวมทั้งมีความขยันขันแข็ง
ส่วนบุรุษก็เช่นกัน มักคิดว่าสตรีที่มีเสน่ห์ที่น่าจะเป็นคู่ครองของตนคือ บุคคลที่มีคุณสมบัติว่าจะเป็นแม่ที่ดี เป็นภรรยาที่สามารถช่วยสนับสนุนทั้งร่างกายและจิตใจของสามีในยามทุกข์ร้อนหรือสุขได้ ส่วนเกณฑ์สุดท้ายในการเลือกคู่ครองที่แม้แต่ดาร์วินเองก็ยังคิดไม่ถึงคือ เนื้อคู่ที่ดี ต้องมีเงิน
อ้างอิงจาก: หนังสือ ศาสตร์พิศวง สู่มิติแห่งความเป็นไปไม่ได้ ผลงานของ ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน