ต้องทำอย่างไร ปั่นน้ำผักผลไม้ให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพสูงสุด
ต้องทำอย่างไร ปั่นน้ำผักผลไม้ให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพสูงสุด
ถาม: ผักผลไม้ควรเลือกอย่างไร
ตอบ: หลักเกณฑ์ในการเลือกผักผลไม้คือ ความสะอาดปลอดภัยและความสด
ความสะอาดปลอดภัย หมายถึง ไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีทางการเกษตร โลหะหนัก โกรทฮอร์โมน และปรสิตทุกชนิด
ความสด หมายถึง ภายนอกอวบอิ่ม มันวาว ใบสีเขียวสด ไม่เหี่ยว
ถาม: ผักผลไม้และส่วนผสมอื่นๆ ในตำรับน้ำรับน้ำผักผลไม้หาซื้อได้ที่ไหน
ตอบ: หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่ ร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพและตลาดทั่วไป นอกจากนี้ยังควรเลือกซื้อผักผลไม้อินทรีย์
ถาม: ผักและผลไม้ควรล้างและจัดการอย่างไร
ตอบ: ในการล้างผักและผลไม่ได้ใช้น้ำ 1 กะละมัง เติมเกลือทะเล 3 ช้อนโต๊ะ และบีบมะนาวลงไป 1-3 ลูก (มากน้อยตามปริมาณผักและผลไม้ที่ล้าง) แช่ไว้ราว 4 นาที จากนั้นล้างผ่านน้ำจนสะอาดก็ใช้ได้
ถาม: เครื่องปั่นแบบใดที่เหมาะสำหรับการทำน้ำผักผลไม้ตามตำรับ
ตอบ: เลือกซื้อเครื่องปั่นโดยยึดหลักที่ว่าต้องทนความรัง และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปัจจุบันสามารถผลิตเครื่องปั่นขนาด 3.5 แรงม้า (ความเร็วในการปั่นเท่ากับ 45,000 รอบ/นาที) หากในอนาคตมีเครื่องปั่นที่เทคโนโลยีล้ำหน้ากว่านี้ก็ควรเลือกซื้อ เพราะยิ่งบดปั่นเส้นใยอาหารของพืชละเอียดมากเท่าไร ก็เท่ากับพืชได้ปล่อยอินทรียสารออกมาเต็มที่ ช่วยให้เซลล์ดูดซึมได้ทันที ไม่ใช่พอกินเข้าไปแล้วก็ถูกขับออกจากร่างกายโดยยังไม่ได้ดูดซึมเข้าไป
ถาม: การปั่นน้ำผักผลไม้ควรทำอย่างไร โดยเฉลี่ยใช้เวลาปั่นนานแค่ไหน
ตอบ: ใส่ส่วนผสมลงไปในเครื่องแล้วปั่นรอบเร็ว 30 วินาทีก่อน แล้วปั่นด้วยรอบช้า 10 วินาที จากนั้นจึงกลับมาปั่นด้วยความเร็วสูง 60 วินาทีแล้วเปลี่ยนมาเป็นรอบช้า 10 วินาที ก็ดื่มได้ หากเพิ่มส่วนผสมลงไปอีกก็ให้ไร้วิธีปั่นรอบช้า 10 วินาที เปลี่ยนเป็นรอบความเร็วสูง 60 วินาทีแล้วกลับมาใช้รอบช้า 10 วินาทีก็พอ
ถาม: น้ำผักผลไม้ที่ทำทีเดียว 6 แก้วสำหรับหนึ่งวันควรเก็บไว้ในตู้เย็นหรือไม่ หากวางทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องสามารถอยู่ใต้นานเท่าใด จะอุ่นให้ร้อนได้หรือไม่
ตอบ: หากดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ สามารถปั่นน้ำผักผลไม้ที่เดียว 6 แก้วสำหรับหนึ่งวันเก็บไว้ในตู้เย็นได้ แต่ถ้าให้ผู้ป่วยควรวางไว้ในอุณหภูมิห้องปกติภายในหนึ่งวันจะไม่เสีย และอุ่นร้อนกินได้
ถาม: ทำไมจึงต้องดื่มน้ำผักผลไม้
ตอบ: เพราะในผักและผลไม้อุดมด้วยอินทรียสารจากพืช ต้องกินอินทรีจากพืชเท่านั้นจึงจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองมีพลังงานพอที่จะเริ่มต้นทำงานได้ อินทรียสารจากพืชมีมากในเปลือกราก (หัว) หน่อ และเมล็ด ซึ่งเป็นส่วนที่มักจะทิ้งไป จำเป็นต้องใช้เครื่องปั่นจนเป็นอณูขนาดเล็กเพื่อปล่อยอินทรียสารจากพืชที่มีฤทธิ์ต้านโรคและรักษาโรคออกมาให้เซลล์ร่างกายดูดซึมได้
ถาม: ในแต่ละวันควรดื่มน้ำผักผลไม้กี่แก้วจึงจะพอ
ตอบ: ในการบำรุงสุขภาพตามปกติ ตอนเข้าดื่ม 2 แก้วเป็นมื้อเช้า ดื่มอีกครั้งละ 1 แก้วก่อนกินมื้อเที่ยงและมื้อเย็นหนึ่งชั่วโมง ในแต่ละวันจึงควรดื่ม 4-6 แก้ว แต่สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยซึ่งต้องการเสริมสมรรถภาพในการรักษาตัวเองให้สูงขึ้น ต้องดื่มน้ำผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 6 แก้ว จึงจะได้รับอินทรียสารจากพืชอย่างเพียงพอที่จะตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเอง ทำให้ทั้งสองระบบแข็งแรงขึ้น
ถาม: น้ำผักผลไม้ที่ดื่มวันละ 6 แก้วสามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้หรือไม่ จะมีผลต่อประสิทธิภาพหรือไม่ และการเปลี่ยนส่วนผสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือไม่
ตอบ น้ำผักผลไม้ที่ดื่มวันละ 6 แก้วสามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้ ยกเว้นมะเขือเทศ แครอต และหัวปีตรูตซึ่งจัดเป็นส่วนผสมที่ขาดไม่ได้ในน้ำผักผลไม้ หากเป็นการดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพตามปกติใช้น้ำกลั่นธรรมดาก็พอ แต่สำหรับผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้น้ำเกลือแร่สกัดเพื่อช่วยในการซึมสารอาหาร ปรับสมดุลกรดด่าง ช่วยขับพิษ ทำความสะอาดเซลล์และสนองเกลือแร่ที่จำเป็นให้เซลล์ ทำให้เซลล์อยู่รอดและกลับมาทำหน้าที่ได้ตามเดิม
ถาม: ถ้าไม่ชอบรสขม รสเปรี้ยว หรือรสเผ็ด จนไม่กล้าดื่มน้ำผักผลไม้ตามตำรับควรทำอย่างไร
ตอบ: ถ้าไม่ชอบรสขมให้เติมไซลิทอล(Xylitol) จะช่วยขจัดรสขมได้(ในผู้ป่วยโรคเบาหวานเนื่องจากต้องควบคุมปริมาณน้ำตาล จึงควรใส่ไซลิทอลเพียงเล็กน้อยหรือใช้เก๋ากี้แทน) ถ้าไม่ชอบรสเปรี้ยวให้ลดปริมาณของผลไม้รสเปรี้ยวอย่างมะนาว แต่ควรตระหนักถึงความสำคัญของผลไม้รสเปรี้ยวที่มีต่อสุขภาพทางที่ดีควรพยายามฝึกกินให้ชิน เพราะผลไม้รสเปรี้ยวที่กินเข้าไปในร่างกายจะเปลี่ยนสภาพเป็นด่าง ช่วยเร่งการทำงานของระบบรักษาตัวเองของร่างกายและเสริมสมรรถภาพของระบบภูมิคุ้มกันถ้าไม่ชอบรสเผ็ดก็ให้ลดปริมาณของส่วนผสมที่มีรสเผ็ดอย่างขิงแก่หลังจากเริ่มเคยชินแล้วจึงค่อยๆเพิ่มขึ้นจนเท่ากับปริมาณตามสรรพคุณ หากเดิมต้องใช้กระเทียมหนึ่งกลีบก็ให้เริ่มใช้ครึ่งกลีบก่อนแล้วค่อย ๆ เพิ่มจนเป็นหนึ่งกลีบ
ถาม: ผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลในอาหาร ควรดื่มน้ำผักผลไม้อย่างไร
ตอบ: ในระหว่างการปรับเปลี่ยนอาหารของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ภายในเวลาหกเดือนไม่ควรกินผลไม้ ต้องคอยจนหกเดือน รอให้ค่าอินซูลินระดับที่น่าพอใจจึงจะกินอาหารได้ตามปกติ ในระหว่างหกเดือนดังกล่าวใช้ฝรั่ง สตรอเบอรี่ และเก๋ากี้ปริมาณน้อยเพื่อช่วยให้น้ำผักมีรสชาติดีขึ้น ควรดื่มน้ำผักผลไม้ครั้งละ 1 แก้วทุก ๆ สองชั่วโมงเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการ "กินน้อยแต่บ่อยครั้ง" ที่สำคัญที่สุดคือต้องดื่มน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ไม่มีการปนเปื้อน
ถาม: ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างการทำเคมีบำบัดหรือระหว่างฟื้นฟู ควรดื่มน้ำผักผลไม้ได้หรือไม่ และดื่มอย่างไร
ตอบ: ในระหว่างการทำเคมีบำบัดหรือระหว่างฟื้นฟูยิ่งต้องดื่มน้ำผักผลไม้ให้มาก ๆ จึงจะฟื้นฟูสมรรถภาพของระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองได้ ช่วยย่นเวลาการหายจากโรค นอกจากนี้ควรดื่มน้ำผักผลไม้ที่ใช้ทั้งเปลือกและเมล็ดด้วย จึงจะได้รับอินทรียสารจากพืชอย่างเต็มที่เพื่อช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ในระหว่างทำเคมีบำบัดควรค่อยๆ จิบน้ำผักผลไม้ช้าๆ 1/2 แก้ว ทุกครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง วันละ 10-12 ครั้ง(รวมเป็น 6 แก้ว) ในระยะฟื้นฟูให้ดื่มน้ำผักผลไม้ 1 แก้วทุก สองชั่วโมง ในหนึ่งวันมากกว่า 6 แก้ว (ในผู้สูงวัยหากดื่มในฤดูที่หนาวจัดควรเติมน้ำอุ่นเพื่อให้น้ำผักผลไม้อุ่นขึ้น)
ถาม: ถ้าอยากกินอาหารมื้อใหญ่ควรจะทำอย่างไร
ตอบ: หลักเกณฑ์คือควรกินอาหารมื้อใหญ่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น หากไม่สามารถเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ปริมาณมาๆ ก่อนการกินอาหารมื้อใหญ่ควรดื่มน้ำผักผลไม้มาก ๆ เพื่อลดการกินอาหารที่ไม่มีสารอาหารมากเกินไป หลังจากกินอาหารมื้อใหญ่อิ่มแล้วก็ต้องกินเส้นใยอาหารเพื่อเร่งการขับของเสียที่ไม่ถูกย่อยออกจากร่างกายให้เร็วขึ้น
ถาม: เปลือกของกีวีมีขน เอามาทำน้ำผักผลไม่ได้หรือไม่
ตอบ: เครื่องปั่นในปัจจุบันยังไม่อาจจัดการกับขนหยาบบนเปลือกผลไม้ให้จึงควรปอกเปลือกทิ้งแล้วจึงนำมาทำน้ำผักผลไม้ (ถ้าพอมีเวลา อาจใช้ผ้าหรือแปรงขนาดเล็กขัดถูชนบนเปลือกออกแล้วล้างผ่านน้ำ ก็บดปั่นได้ทั้งเปลือกแล้ว)
ถาม: เมล็ดของแอปเปิ้ลมีสารไซยาไนด์ ทำไมจึงแนะนำให้กิน
ตอบ: หากปั่นแอปเปิ้ล 50 ผล แล้วกินคนเดียวหมด คงจะมีอาการถูกพิษต้องรีบส่งโรงพยาบาลทันที แต่ถ้าใช้แอปเปิ้ลเพียง 2-3 ผล ทำน้ำผักผลไม้ดื่มทั้งครอบครัวก็ไม่มีอันตราย อินทรียสารจากพืชในเมล็ดแอปเปิลจะเป็นตัวกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองเริ่มทำงาน ช่วยซ่อมแซมร่างกาย เป็นผลดีตามคำพังเพยของชาวตะวันตกที่ว่า "แอปเปิ้ลวันละผล ช่วยให้พ้นจากหมอ"
ป.ล. เพื่อนๆ สามารถติดตามกระทู้อื่นๆ ได้ที่
https://page.postjung.com/n00kky
อ้างอิงจาก: หนังสือ ธรรมชาติช่วยชีวิต ฉบับปรับปรุง โดย Tom Wu ทอมอู๋